นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 37 วันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค.62 ที่ จ.ลำปาง ที่ประชุมเห็นพ้องกันที่จะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้ไทยมีอากาศที่สะอาด เพราะหากยังมีฝุ่นจิ๋ว หรือมลภาวะทางอากาศอยู่ จะกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้ ซึ่งขณะนี้หอการค้าไทยได้ยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว พร้อมกันนั้นจะเสนอรัฐบาลให้จัดตั้งหน่วยงานใหม่มาดูแลปัญหาทางอากาศโดยเฉพาะ เพื่อให้พิจารณากำหนดมาตรการดูแลต่างๆ ได้ทันท่วงที คาดว่าภายในต้นปีหน้ากระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายจะแล้วเสร็จ
ด้านนายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองประธานหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า หอการค้า 5 ภูมิภาค จะยื่นเสนอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่มีผลสำรวจทางวิชาการระบุว่า ปัญหาฝุ่นพิษกระทบต่อเศรษฐกิจใน 10 จังหวัดภาคเหนือ ปีละไม่ต่ำกว่า 163,313 ล้านบาท “วันที่ 2 ธ.ค.นี้ จะนำรายชื่อผู้บริหารหอการค้าไทยและประธานหอการค้าในภูมิภาค 20 รายชื่อ ไปเสนอในการเสนอ พ.ร.บ.อากาศก่อน จากนั้นจะล่ารายชื่อประชาชนไม่ต่ำกว่า 10,000 รายชื่อ เพื่อผลักดันให้สภาฯดำเนินการต่อไป”
ส่วนนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดมีรายละเอียดคร่าวๆ เช่น มีองค์กรดูแลและควบคุมมลพิษทางอากาศทั้งของภาคอุตสาหกรรม, ภาคเกษตรกรรม และการขนส่ง พร้อมทั้งให้แต่ละจังหวัดแต่งตั้งองค์กรดูแลด้วย เพื่อความเข้มงวดในการควบคุม และเจรจากับต่างประเทศกรณีที่เผาป่า หรือไฟไหม้จนมีหมอกควันเข้ามาในไทย รวมถึงมีบทลงโทษด้วย
ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “ร่วมมือร่วมใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต” ในงานเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย เพราะยังขยายตัวได้ 2.4% ในไตรมาส 3/62 แต่เติบโตแบบชะลอตัว แต่การเติบโตระดับนี้ภายใต้เศรษฐกิจโลกผันผวน ถือว่าไทยสู้มาตลอด และเป็นแรงส่งที่ดีในการรักษาเสถียรภาพให้ยังขยายตัวอยู่ได้ “ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่า แบงก์ชาติ ดูแลให้อยู่ในระดับเหมาะสมได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แทรกแซงมากเกินไปไม่ได้ เพราะสหรัฐฯจับตาดูไทยเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน ถ้าไม่ระมัดระวัง สหรัฐฯอาจใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับไทย ผลที่ตามมาจะมากกว่าผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าแน่นอน”.