นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวยอมรับว่า มาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ระยะที่ 3 หรือ เฟสที่ 3 ไม่คึกคักเท่าเฟส 1 และเฟส 2 แต่เท่าที่ประเมินเสียงตอบรับก็พอใช้ได้ ถือว่าไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นการต่อยอดจากเฟส 1 และ 2 ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อ อย่าคิดว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ อย่าเพิ่งไปตกใจ ชิมช้อปใช้เฟส 3 ก็เหมือนตอนที่กระทรวงการคลังเริ่มทำ ชิมช้อป ใช้ เฟส 1 ที่คนบอกว่าจะไม่มีใครสนใจ แต่คนก็มาสมัครจำนวนมาก
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงทะเบียนชิม ช้อป ใช้ เฟส 3 สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 500,000 ราย ที่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 17 พ.ย.62 จนถึงล่าสุดมีผู้มาลงทะเบียน 90,000 ราย โดยประเมินไว้แล้วว่าการลงทะเบียนในกลุ่มผู้สูงอายุคงไม่หวือหวาเท่ากลุ่มบุคคลทั่วไป และจะเปิดให้ลงทะเบียนจนกว่าจะเต็ม 500,000 ราย อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนของกลุ่มผู้สูงอายุอาจเกิดปัญหาไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ดังนั้น จะให้เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยอำนวยความสะดวกช่วยลงทะเบียนให้ “การเปิดรอบพิเศษให้กลุ่มผู้สูงอายุ เพราะอยากให้คนกลุ่มคนนี้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมไร้เงินสด ได้เรียนรู้เทคโนโลยี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี หลังได้รับเสียงบ่นว่ากลุ่มผู้สูงอายุลงทะเบียนไม่ทันคนหนุ่มสาวซึ่งการเปิดให้ลงทะเบียนกลุ่มผู้สูงอายุครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหานี้”
สำหรับมาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส 1 และ 2 ช่วยทำให้เงินลงสู่ระบบแล้วผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เกือบ 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกระเป๋าเงินช่องที่ 1 ซึ่งรัฐบาลแจกเงินให้คนละ 1,000 บาท จำนวน 12,000 ล้านบาท และกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ที่มีการคืนเงิน (แคชแบ็ก) ให้ถึง 15% หากมียอดใช้จ่าย 30,000 บาท (ชดเชยไม่เกิน 4,500) และคืนเงินให้ถึง 20% หากใช้จ่ายมากกว่า 30,000-50,000 บาท (ชดเชยไม่เกิน 4,000) โดยชดเชยสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท มียอดใช้จ่ายแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท โดยมีผู้ใช้เงินกระเป๋า 2 บางรายถึง 100,000 บาทเกินกว่าที่รัฐบาลคืนเงินให้สูงสุดไว้ที่ 50,000 บาทด้วย.