บริษัทนำเที่ยว “ทัวร์แตก” ต่างชาติหันมาท่องเที่ยวด้วยตัวเอง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

บริษัทนำเที่ยว “ทัวร์แตก” ต่างชาติหันมาท่องเที่ยวด้วยตัวเอง

Date Time: 1 ก.ค. 2562 07:15 น.

Summary

  • “แอตต้า” เผย บริษัทนำเที่ยวธุรกิจทัวร์ปัจจุบันอยู่ในภาวะ “ทัวร์แตก” เพราะนักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเที่ยวทัวร์มาเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น ส่งผลลูกค้าหดหาย

Latest

ที่สุดแห่งปี ! เปิด 10 ทำเล ราคาที่ดิน แพงสุด “ชิดลม-เพลินจิต” ทะลุ 3.7 ล้าน/ตร.ว. สงขลา รองแชมป์

“แอตต้า” เผย บริษัทนำเที่ยวธุรกิจทัวร์ปัจจุบันอยู่ในภาวะ “ทัวร์แตก” เพราะนักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเที่ยวทัวร์มาเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น ส่งผลลูกค้าหดหาย ต้องแตกไลน์ธุรกิจใหม่ถึงอยู่รอด ชี้มีบริษัททัวร์ปิดตัว ลามไปถึงโรงแรมและภัตตาคาร

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป โดยใช้บริการบริษัทนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์น้อยลง แต่มาเที่ยวแบบเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) มากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย 6 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 19.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2% แต่เมื่อดูสถิติของแอตต้าช่วง 6 เดือนแรก จาก 2 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิและดอนเมือง พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านบริษัททัวร์สมาชิกแอตต้าลดลง โดยติดลบทุกเดือนเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้เกิดภาวะ “ทัวร์แตก” ซึ่งมีทั้งต้องแตกไปทำธุรกิจอื่น และแตกรูปแบบการทำทัวร์ใหม่ ส่วนบริษัทที่ปรับตัวไม่ได้ต้องปิดกิจการและลามไปถึงโรงแรมและร้านอาหารที่เปิดเพื่อรับแต่กรุ๊ปทัวร์แต่ปรับตัวไม่ได้ ก็ต้องปิดตัวลง

ทั้งนี้ เดือน ม.ค. นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางกับบริษัททัวร์สมาชิกของแอตต้าผ่านสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองลดลง 9.10% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ปี 61 เดือน ก.พ. ลดลง 9.14% เดือน มี.ค. ลด 8.05% เดือน เม.ย. ลด 11% เดือน พ.ค. ลด 20.82% ส่วน 20 วันแรกเดือน มิ.ย. มีจำนวน 272,920 คน ลดลง 13.91% จาก 473,150 คนของทั้งเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว และทำให้ตัวเลขตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 มิ.ย.62 มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ผ่านแอตต้าที่ผ่าน 2 สนามบิน 2,642,817 ล้านคน ลดลง 11.62% จากปีก่อน

นายวิชิต กล่าวว่า บริษัททัวร์ต้องปรับตัวถึงจะอยู่รอดได้ อย่างบริษัทของตนได้จัดแผนกใหม่ เพื่อรับนักท่องเที่ยวแบบเอฟไอที เช่น แผนกรับนักท่องเที่ยวนิชมาร์เก็ต ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนใจเฉพาะอย่าง นักท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ เป็นต้น เพื่อรักษาจำนวนนักท่องเที่ยวให้อยู่เท่าเดิม นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรมที่เคยรับแต่กรุ๊ปทัวร์ต้องเปลี่ยนมารับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง ส่วนร้านอาหารที่เปิดขึ้น ตามชานเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์โดยเฉพาะก็หนักหน่อย เมื่อไม่มีทัวร์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะทำเลที่ตั้งไม่ได้อยู่ในเมืองก็ต้องปิดตัวเองลง หรือต้องย้ายมาอยู่ในเมือง

นอกจากนั้น ธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯและปริมณฑล ปีนี้จำนวนผู้เข้าพักจะลดลงจากปีที่แล้วถึง 10% เพราะนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเที่ยวเมืองรอง มากขึ้น เช่น สมัยก่อน 100 คน จะมี 90-99% พักในกรุงเทพฯ 2-3 คืนก่อน แต่เดี๋ยวนี้จะเหลือพักในกรุงเทพฯแค่ 1 คืน และไปเที่ยวเมืองรองต่อ แต่สิ่งสำคัญคือ ภาวะโอเวอร์ ซัพพลาย ที่จำนวนห้องพักโรงแรมมีมากกว่าจำนวนผู้เข้าพัก ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นอย่าเพิ่งขยายกิจการ เนื่องจากอัตราเพิ่มของนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับต่ำ และยังกระจายไปต่างจังหวัดด้วย รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวอีก 2-3% ที่พักคอนโดมิเนียมผ่านระบบ airbnb “ปี 62 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 38.27 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 11.5 ล้านคน และการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลรายได้ธุรกิจท่องเที่ยวลดลง อยากให้รัฐบาลขยายอายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On arrival) คนละ 2,000 บาท ที่จะสิ้นสุด 31 ต.ค.62 ออกไปถึงสิ้นปี เพราะจะช่วยรักษาจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอินเดียและไต้หวัน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ