ส่องราคาน้ำมันขาขึ้น

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์ด้านราคาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งปัจจัยที่เป็นผลกระทบดังกล่าว มาจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ท่อขนส่งน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมันดิบและเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีใกล้บริเวณช่องแคบเฮอร์มุซ (Hormuz) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันดิบที่สำคัญ โดยปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งผ่านช่องแคบนี้คิดเป็น 20% ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ท่าทีของกลุ่มโอเปก (กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน) ก็ได้ส่งสัญญาณว่าจะคงระดับการผลิตน้ำมันที่ส่งออกตลาดโลกไว้ที่ 12 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี แต่ต้องรอผลการประชุมโอเปกในปลายเดือน มิ.ย.นี้อีกครั้งหนึ่งว่าจะมีมติอย่างไร “หากมองโลกในแง่ดี สงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง เพราะเมื่อมีการลดกำลังการผลิตสินค้าของจีน การใช้น้ำมันก็จะลดลง ซึ่งกระทรวงพลังงานได้กำชับให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันหลักของประเทศไทย ให้บริหารความเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น”

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ.ได้ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ จากเดิมคาดว่าปีนี้อยู่ในระหว่าง 60-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มเป็น 60-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หลังจากเกิดหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ราคา น้ำมันขยับขึ้น.