เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 วงเงินลงทุนกว่า 84,000 ล้านบาท เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการว่า กรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ได้ตัดสิทธิ์กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ออกจากการประมูลในโครงการดังกล่าว เนื่องจากเอกสารในส่วนสัญญากิจการร่วมค้า ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์เอกสารการคัดเลือกเอกชน หรือ RFP ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่อยู่ในซองที่ 2 คุณสมบัติ ที่ต้องลงนามร่วมรับผิดชอบในหนี้ร่วมกัน ซึ่งทางกลุ่มร่วมทุน NCP ได้คัดค้านการตัดสิทธิ์ ดังนั้น ทางคณะกรรมการฯได้พิจารณาแล้วยืนตามความเห็นเดิม และได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ กพอ. พิจารณา แต่หากฝ่ายกฎหมายของอีอีซี เห็นว่าไม่ควรตัดสิทธิ์คณะกรรมการคัดเลือกฯก็ต้องทบทวนใหม่ ซึ่งก็จะทำให้ผลประมูลยืดออกไปอีก
พลเรือเอกโสภณ วัฒนมงคล รองผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า กรณีกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ส่งคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางและได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราวในการเข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นั้น ในส่วนของคณะกรรมการคัดเลือกโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้ดำเนินการตามคำสั่งที่มีถึงคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการ ให้จัดส่งเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 14 พ.ค. และที่ผ่านมาตนได้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานต่อศาลปกครองแล้ว เชื่อว่าข้อมูลเพียงพอต่อการพิจารณาของศาลในชั้นไต่สวน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญโครงการหนึ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล มีความเกี่ยวเนื่องกับโครงการอื่นๆอีกหลายโครงการ นอกจากจะมีผลต่อศักยภาพในการแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางเมืองการบินและอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคแล้ว ยังมีผลกระทบต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในด้านการสร้างงานและการสร้างรายได้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีความจำเป็นจะต้องดำเนินการตามแผนงาน โครงการต่อไปคู่ขนานกับการพิจารณาของศาลปกครอง คาดว่าการพิจารณาคุณสมบัติซองที่ 1 จะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน พ.ค. และคาดว่าการประเมินข้อเสนอของเอกชนจะแล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.นี้.