พิษน้ำมันโลกลด-ราคาสินค้าทรุด ซัดตลาดหุ้นซบกำไรบริษัทปี 61 ลด 1.45%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พิษน้ำมันโลกลด-ราคาสินค้าทรุด ซัดตลาดหุ้นซบกำไรบริษัทปี 61 ลด 1.45%

Date Time: 9 มี.ค. 2562 05:45 น.

Summary

  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายงานยอดขายปี 2561 รวม 11.87 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.36% จากปีก่อน

Latest

ล้อมคอกรถโดยสารสาธารณะยึดมาตรฐาน "UN”

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายงานยอดขายปี 2561 รวม 11.87 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.36% จากปีก่อน พบมีกำไรสุทธิรวม 9.31 แสนล้านบาท ลดลง 1.45% เนื่องจากในไตรมาส 4/2561 หมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีกำไรลดลงจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง ตามทิศทางราคาน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภัณฑ์ และเหล็ก

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน SET จำนวน 533 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 97.80% จากทั้งหมด 545 หลักทรัพย์ (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 พบว่า บริษัทที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 438 บริษัท คิดเป็น 82% ของบริษัทจดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

โดยพบว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2561 บริษัทจดทะเบียนมียอดขายรวม 11.87 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.36% ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core operating profit) 1.08 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.47% และมีกำไรสุทธิ 931,163 ล้านบาท ลดลง 1.45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

“ในปี 2561 หลักทรัพย์จดทะเบียนยังคงมียอดขายเติบโตดีขึ้นตามเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงแรงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ไตรมาส 4/2561 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิลดลง 40.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะบริษัทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภัณฑ์ และเหล็ก และทำให้ภาพรวมปี 2561 มีกำไรสุทธิลดลง เมื่อเทียบกับในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2561 ที่รายงานกำไรสุทธิเติบโต 13%”

นายแมนพงศ์ ยังกล่าวว่า ด้านดัชนีชี้วัดความสามารถในการทำกำไรอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อน โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก 9.09% และอัตรากำไรสุทธิ 7.40% เทียบกับในปีก่อนที่ 9.79% และ 8.25% ตามลำดับ ขณะที่ด้านฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นปี 2561 พบว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.29 เท่า จาก ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1.24 เท่า

สำหรับหมวดธุรกิจที่มีมูลค่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูง คือ หมวดธนาคารพาณิชย์ ตามการขยายตัวของสินเชื่อและมีค่าใช้จ่ายเพื่อการสำรองหนี้เผื่อสงสัยจะสูญของธนาคารขนาดใหญ่ลดลง และหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ที่เติบโต
ดีตามการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) มียอดขายรวม 174,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.64% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 5,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ