นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยหลังการประชุม กกพ.ว่า จากกรณีที่ กกพ.ได้มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ “จีพีเอสซี” รวมกิจการกับบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ “โกลว์” ได้ โดยกำหนดเงื่อนไขการรวมกิจการให้โกลว์ขายกิจการของบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด (SPP1) ให้แล้วเสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับการรวมกิจการกับจีพีเอสซี เพื่อมิให้มีการรวมกิจการที่มีลักษณะก่อให้เกิดการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน
“เมื่อวันที่ 1 มี.ค. กกพ.ได้มีมติเห็นชอบให้จีพีเอสซีรวมกิจการกับโกลว์อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ กกพ.รับทราบการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ SPP1 โดยโกลว์ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น SPP1 ให้แก่บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เซอร์วิส (แหลมฉบัง) จำกัด และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้บี.กริม จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.45% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมแต่อย่างไร”
ทั้งนี้ กกพ.เชื่อมั่นว่า ได้ยึดมั่นส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุนทั้งภายในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งผ่านการ ตรวจสอบความถูกต้องแล้วว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เข้าข่ายเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขันในภาพรวมของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศของผู้ผลิตไฟฟ้ารับอนุญาต.