15 องค์กรในภาคใต้ ลงนาม MOU วิจัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในภาคใต้ ก้าวสู่การเป็นผู้นำท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพระดับสากล
วันที่ 10 ม.ค. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานบริหารแผนงาน Spearhead กลุ่มการบริการมูลค่าสูง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เดินทางเป็นประธานในพิธีร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ แผนงานวิจัย "การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพ ในพื้นที่ภาคใต้ สู่การเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพในระดับสากล" ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยมี ดร.พุทธพร อักษรไพโรจน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นผู้อำนวยการแผนงานวิจัย
ทั้งนี้ ดร.ดวงรัตน์ โกยกิจเจริญ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ให้การต้อนรับ โดยการลงนามครั้งนี้ เป็นการลงนามระหว่างแผนงาน Spearhead กลุ่มบริการมูลค่าสูง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม 15 แห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาพันธ์สปาไทย และสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า สกว. ได้เดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดการนำความรู้และผลงานวิจัยมาเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนแต่ละพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการจริงในชื่อแผนงาน Spearhead กลุ่มบริการมูลค่าสูง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งมองว่า แผนงานดังกล่าว ในพื้นที่ภาคใต้ถือว่าเดินมาถูกทาง เพราะความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาสังคมที่เกิดขึ้น ภายใต้แผนงานนี้ จะช่วยแก้ปัญหาอุปสรรค และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในประเทศ อีกทางหนึ่ง โดยมีนักวิจัย เป็นผู้ขับเคลื่อนเพราะปัจจุบันมีธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในประเทศไทย จำนวนกว่า 13,000 ราย และผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติร้อยละ 75 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 136,000 ล้านบาท
ดังนั้น ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในพื้นที่ภาคใต้สู่การเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในระดับสากล ต่อไป.