นักเศรษฐศาสตร์ คาดเศรษฐกิจไทย ไตรมาสแรกปี 62 โตต่ำกว่า 3% จากหลายปัจจัยรุมเร้า ชี้เลื่อนเลือกตั้ง กระทบเชื่อมั่นลงทุนรุนแรง ประเมินพายุปาบึก กระทบเศรษฐกิจใต้ ระยะสั้น ไม่เกิน 2.5 พันล้านบาท...
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ไตรมาสแรก ปี 2562 ว่า อาจขยายตัวต่ำกว่า 3% เป็นผลจากปัจจัยลบทั้งภายนอกและภายในประเทศรุมเร้าเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างชัดเจนกระทบต่อภาคส่งออก ภาคท่องเที่ยวและภาคการลงทุนของไทย นอกจากนี้จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อคอนโดมิเนียมและโครงการห้องชุดต่างๆ ในไทยของนักลงทุนชาวจีน และเริ่มเห็นสัญญาณของการทิ้งเงินดาวน์เงินจองกันบ้างแล้ว
ส่วนความขัดแย้งในเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯ นำมาสู่การปิดทำการของหน่วยราชการได้ส่งสัญญาณเชิงลบต่อตลาดการเงินทั่วโลกแต่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของไทยไม่มากนัก ขณะที่การเลื่อนการเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ. ถือเป็นการเลื่อนการเลือกตั้งครั้งที่ 5 กระทบภาคการลงทุนแน่นอน โดยเฉพาะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติอย่างรุนแรง
"การเลื่อนเลือกตั้งออกไปจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการแสวงหาส่วนเกิน หรือค่าเช่าทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการและต้องการสืบทอดอำนาจ จึงมีแรงจูงใจนำเอาผลประโยชน์ของสาธารณชนไปมอบให้กลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่มอย่างไม่เป็นธรรมและไม่เหมาะสม เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งได้ และข้อกังวลนี้อาจลดลงหาก 4 รัฐมนตรีที่เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี"
ทั้งนี้การกำหนดวันเลือกตั้งให้แน่นอนชัดเจน มีการเลือกตั้งเป็นวาระอย่างประเทศทั้งหลายที่มีความเป็นประชาธิปไตยจะส่งดีต่อความมั่นคงของชาติ เป็นผลบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ
ส่วนผลกระทบพายุปาปึก กระทบการท่องเที่ยวและกิจกรรมเศรษฐกิจในภาคใต้แต่กระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น หากสามารถฟื้นฟูที่ได้รับความเสียหายได้อย่างรวดเร็วจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่เกิน 2,500 ล้านบาท โดยรัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูความเสียหายจากผลกระทบพายุปาปึก เร่งฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของรัฐบาลโดยรักษาคำพูด ยึดถือนิติรัฐ ไม่สอดแนมหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลโดยเฉพาะคู่แข่งทางการเมือง และไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ รวมทั้งบริหารประเทศด้วยความโปร่งใสมีธรรมภิบาล จนกระทั่งทำให้คำตัดสินของ ป.ป.ช. ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป.