นับถอยหลังสู่เทศกาลปีใหม่ และก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง จับตาดู ”รัฐบาลบิ๊กตู่” ทยอยออกมาตรการต่างๆ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ คืนความสุขให้คนไทยครอบคลุมทั่วถึงถ้วนหน้า เน้นหนักไปที่ผู้มีรายได้น้อย
แน่นอนเพื่อกลุ่มคนฐานรากของประเทศ ล่าสุดได้จัดเต็มแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 อีกจำนวน 3.1 ล้านคน ทำให้มีผู้ถือบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 14.5 ล้านคน จากจำนวน 11.4 ล้านคน เริ่มใช้บัตรตั้งแต่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
พร้อมสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ถือบัตรเดิม ได้วงเงินในบัตรซื้อสินค้าร้านธงฟ้า คนละ 200 บาท กรณีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี และ 300 บาท กรณีรายได้ไม่เกินหมื่นบาทต่อปี รวมถึงค่าโดยสารรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า รถไฟ และ บขส. อย่างละ 500 บาทต่อเดือน และส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ที่สำคัญกรณีชำระราคาสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้เงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 6% จากทั้งหมด 7% เริ่มลอตแรก 14 ธ.ค.นี้
ไม่เท่านั้นที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ไฟเขียวงบประมาณ 86,994 ล้านบาท เพิ่ม 4 มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตเพื่อหวังผลทางการเมือง ก่อนเลือกตั้งหรือไม่? แม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าทุกนโยบายที่ทำขึ้นไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้เลย!!
สรุปว่าช่วงปีใหม่นี้ ผู้ถือบัตรคนจนทั้ง 14.5 ล้านคน จะได้รับเงินแบบครั้งเดียวคนละ 500 บาท เพื่อนำไปใช้จ่าย เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มีจำนวน 3.5 ล้านคน จะได้ค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ จำนวน 1,000 บาทต่อคน ซึ่งได้รับครั้งเดียว ระหว่างเดือน ธ.ค. 2561 ถึงเดือน ก.ย. 2562
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มเติมสำหรับผู้ถือบัตรคนจน ได้รับความช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและน้ำประปา คิดเป็นครัวเรือนประมาณ 8.2 ล้านครัวเรือน ซึ่ง 1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น โดยกรณีค่าไฟฟ้า ให้ใช้ไฟฟ้าในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกินต้องรับภาระจ่ายเอง ให้มีผลตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 ถึงเดือน ก.ย. 2562 รวมระยะเวลา 10 เดือน
แต่ต้องออกมาย้ำ ผู้มีรายได้น้อยต้องนำใบแจ้งค่าไฟฟ้าและใบแจ้งค่าน้ำประปาไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยทุกสิ้นเดือนหน่วยงานเหล่านี้จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีรายได้น้อยที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กำหนด ให้กรมบัญชีกลางเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณกลางเดือนของเดือนถัดไป
ส่วนผู้สูงอายุรายได้น้อย อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการเช่าที่อยู่อาศัย และไม่มีที่อยู่อาศัย จำนวน 2.3 แสนคน จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัย จำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือน ธ.ค. 2561 ถึงเดือน ก.ย. 2562
พี่น้องชาววิน ไปถึงหนูๆ ลุงตู่ ช่วยเหลือถ้วนหน้า
ยังไม่จบเพื่อเป็นขวัญใจคนกลุ่มฐานราก รัฐบาลจัดให้กับพี่ๆ ชาววิน ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ถือบัตรคนจนเท่านั้น ให้มาลงทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก พบมีประมาณ 4 หมื่นราย ทั้ง กทม.และต่างจังหวัด จะได้เงินช่วยเหลือค่าน้ำมันเดือนละ 450 บาท จากเดิมจะได้รับส่วนลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อัตรา 3 บาทต่อลิตร คาดภายในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีข่าวดีเป็นของขวัญปีใหม่
เมื่อรัฐบาลเน้นย้ำช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ก่อนปีใหม่จะมีข่าวดีสำหรับครอบครัวยากจน ได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เดือนละ 600 บาท เพราะ ครม.เตรียมพิจารณาขยายสิทธิ์ผู้ได้รับเงินอุดหนุน เพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดโดยขยายอายุจากเดิม 0-3 ปี เป็นอายุ 0-6 ปี และขยายเกณฑ์รายได้ครอบครัวจากไม่เกิน 36,000 บาทต่อคนต่อปี เป็นไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี คาดมีเด็กได้รับสิทธิ 1.4 ล้านคน
ฉะนั้นเด็กที่เกิดยื่นขอรับเงินอุดหนุน ตั้งแต่ปี 2558 จะได้รับเงิน ถึงปี 2564 ส่วนเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 จนถึงปี 2562 จะได้รับเงินถึงปี 2567
มาถึงกลุ่มชนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน ให้รอดูธนาคารออมสิน เตรียมจัดสินเชื่อสำหรับคนมีรายได้ประจำ อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเป็นพิเศษ และยังมีมาตรการ ”ช็อปช่วยชาติ” สร้างสีสันช่วงท้ายปี เหมือนปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้จะมีความแตกต่าง เริ่มวันที่ 4 ธ.ค. ถึงวันที่ 4 ม.ค. 2562 โดยกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. 4 ธ.ค.นี้
สำหรับหลักการให้ครอบคลุมเฉพาะสินค้า 3 ประเภทรายการ ประเภทที่ 1. ยางรถยนต์ ผลิตภายในประเทศและใช้ยางพาราในประเทศในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ โดยบริษัทยางรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการนี้ รัฐบาลจะมีโควตาในการจำหน่ายเพื่อให้สอดคล้องกับการรับซื้อยางพาราที่ซื้อจากเกษตรกร ประเภทที่ 2. การซื้อหนังสือและ e-book และประเภทที่ 3. สินค้าโอทอป โดยสินค้าทั้ง 3 รายการ จะได้รับการลดหย่อนภาษีในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท
ส่วนนักช็อปทั้งหลาย ช่วงระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. ถึงวันที่ 9 ม.ค. 2562 ทางกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับผู้ประกอบการ จัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ภายใต้ชื่อ “ลดหนัก จัดเต็ม นิวเยียร์ แกรนด์ เซลส์” และได้รับความร่วมมือจากทุกห้างสรรพสินค้า นำสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน ของขวัญของฝาก จัดโปรโมชั่นลดราคา 30-70% พร้อมกันทั่วประเทศ
ขณะที่กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ประมาณ 5 ล้านคนในระบบ และนอกระบบ 5 ล้าน เตรียมฟังข่าวดี แม้ไม่ใช่การปรับขึ้นค่าจ้างก็ตาม แย้มๆ มาจากทางทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลบิ๊กตู่ เตรียมจัดมาตรการดูแลสวัสดิภาพแรงงานทั้งระบบของประเทศ อาทิ การช่วยเหลือแรงงานถูกเลิกจ้าง การจัดอบรมสร้างอาชีพเสริม พัฒนาทักษะการทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น ที่สำคัญมีการจัดทำกรมธรรม์คุ้มครองแรงงาน เป็นสิ่งที่น่าจับตาคอยดูสำหรับของขวัญปีใหม่ชิ้นนี้
ไม่รวมมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลบิ๊กตู่ จัดมา...จัดหนัก ครอบคลุมทั่วถึง ไม่เกินปีใหม่นี้ น่าจะได้เห็นแบบ ลด-แลก-แจก-แถม-ทุ่มหนัก ไม่รู้จะถูกใจใครบ้าง? สำหรับของขวัญปีใหม่ปี 62 นี้.