นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ อย่าง กรมการค้าต่างประเทศ, สนค.กำลังจับตาสถานการณ์เหล็กในตลาดโลก และการนำเข้าเหล็กของไทยอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุด พบว่า มีปริมาณเหล็กในตลาดโลกจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น จีน จนส่งผลให้เศษเหล็ก เหล็กแท่งยาว (Billet) และเหล็กแท่งแบน (Slab) ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในตลาดโลกมีราคาลดลงมาก
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมจากทั่วโลก จะทำให้ผู้ผลิตเหล็กต้องหาแหล่งระบายสินค้า จึงเกรงว่าทั้ง 2 สาเหตุ อาจทำให้มีการส่งออกเหล็กมาไทยมากขึ้น และอาจมีการทุ่มตลาดในไทย หรือการขายในราคาต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ผลิต
“ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังติดตามสถานการณ์ และหารือกับผู้ผลิตเหล็กของไทยอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่พบว่า มีการนำเข้ามามากจนผิดปกติ และยังไม่พบว่ามีการทุ่มตลาด หรือขายในราคาต่ำ จนทำให้ผู้ผลิตเหล็กภายในของไทยได้รับความเสียหาย”
สำหรับปริมาณเหล็กส่วนเกินของจีนที่มีอยู่มากในตลาดโลกนั้น คาดว่า จะลดลงในเร็วๆนี้ เพราะจีนได้ทยอยลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ฤดูหนาว ที่จะลดกำลังลงเป็นปกติอยู่แล้ว ประกอบกับมาตรการเข้มงวดด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กลดการผลิตลง เพราะเหล็กเป็นหนึ่งในหลายอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษอย่างมาก จึงเชื่อว่าเมื่อจีนลดกำลังการผลิตลงจนเข้าสู่ภาวะสมดุล ราคาในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้.