ไว้อาลัย “วิชัย ศรี วัฒนประภา” เจ้าพ่อ คิง เพาเวอร์ แม้ไร้ชีพ แต่ความดีไม่มีวันตาย

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ไว้อาลัย “วิชัย ศรี วัฒนประภา” เจ้าพ่อ คิง เพาเวอร์ แม้ไร้ชีพ แต่ความดีไม่มีวันตาย

Date Time: 5 พ.ย. 2561 05:01 น.

Summary

  • ก่อนหน้าที่ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่เขาโดยสารเป็นประจำเกิดขัดข้อง และตกลง

Latest

ที่สุดแห่งปี ! เปิด 10 ทำเล ราคาที่ดิน แพงสุด “ชิดลม-เพลินจิต” ทะลุ 3.7 ล้าน/ตร.ว. สงขลา รองแชมป์

ก่อนหน้าที่ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่เขาโดยสารเป็นประจำเกิดขัดข้อง และตกลง ณ บริเวณ ลานจอดรถของสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ที่เมืองเลสเตอร์ ในประเทศอังกฤษ เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 27 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นนั้น

เขามักจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนประเภทที่มีวาระซ่อนเร้น ลวงโลก และสร้างเงื่อนไขต่างๆขึ้นมามากมาย เพื่อบิดเบือนความจริงในตัวตนที่เขาเป็นอยู่ โดยเฉพาะในธุรกิจสัมปทานที่ประมูลจากรัฐมาอย่างถูกต้อง และมีราคาแพง

และแม้วาระซ่อนเร้นเหล่านั้น จะทำให้ความรู้สึกนึกคิดของคนบางกลุ่มบิดเบี้ยว บางกลุ่มเชื่อโดยไม่หาคำตอบ และบางกลุ่มมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสัญญาที่รัฐทำขึ้นได้ใหม่ในสัมปทานที่เกี่ยวข้อง

แต่นายวิชัยก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับวาระต่างๆเหล่านั้นได้ ด้วยเพราะสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พิสูจน์ได้ และไม่อาจจะหักล้างได้โดยวิธีการใดๆที่ไม่สะอาด หรือผิดแผกแตกต่างไปจากสัญญาที่เขาทำไว้กับภาครัฐ

ถึงวันที่นายวิชัยได้จากโลกนี้ไปแล้ว หนังสือพิมพ์ สื่อมวลชน ทั้งไทย และเทศ รวมถึงผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เมืองเลสเตอร์ ที่พากันออกมาแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเขา ทำให้เรามองเห็นความจริงในอีกหลายด้านในตัวเขา โดยเฉพาะในคุณงามความดี ความมีเมตตา โอบอ้อมอารี และให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

อย่างที่เราๆท่านๆเห็นในการแสดงความอาลัยที่มาในหลากรูปแบบ ตั้งแต่ที่มีชาวเมืองเลสเตอร์ร่ำไห้เดินทางไปไว้อาลัยเขาที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม และนำดอกไม้ พวงหรีด เสื้อ-ผ้าพันคอสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์จำนวนมากไปวางจนเต็มในลานกว้าง กระทั่งถึงการกล่าวคำสดุดีถึงเขามากมายทั้งใน และต่างประเทศ.


“ริสต์แบนด์” เรารักพระเจ้าอยู่หัว

“เรารักพระเจ้าอยู่หัว” “Long Live The King” ข้อความที่สลักใน “สายรัดข้อมือ” ของมูลนิธิคิง เพาเวอร์ ซึ่งนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ริเริ่มจัดทำขึ้นเป็นองค์กรแรก ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปได้ร่วมถวายความจงรักภักดี ในราคาเส้นละ 100 บาท

โดยนำรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าฯถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 1,000,000 เส้น เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย

ทุกเส้นจะมีหมายเลขกำกับพร้อมสลักอักษร “เรารักพระเจ้าอยู่หัว” สองภาษา ด้านใน มีหมายเลข 1-1,000,000 กำกับ และสลักชื่อองค์กร “King Power”

เป็นตัวอย่างของการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อให้เกิดกระแสการสวมใส่ ริสต์แบนด์ “เรารักพระเจ้าอยู่หัว” ในประชาชนทุกหมู่เหล่า และทำให้หลายองค์กร จัดทำ “ริสต์แบนด์” ของตัวเองขึ้นในเวลาต่อมา

นอกจากนั้น เมื่อเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ นายวิชัยยังนำเพลงสรรเสริญพระบารมีไปเปิดในสนามฟุตบอลเลสเตอร์ที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย.


ก้าวคนละก้าว แรงบันดาลใจของการ“ให้”

“โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่”

“...ตลอด 3 ปีของโครงการก้าวคนละก้าว เราได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อย่างมากมาย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่และเมตตากับคนทำงานกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้มากที่สุด หากปราศจากซึ่งการสนับสนุน จากคุณวิชัย และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กิจกรรมหลายอย่างของก้าวคนละก้าว ก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นและสำเร็จลงได้

ท่านคือผู้สนับสนุนและเป็นแรงบันดาลใจของการเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง

ทีมงานก้าวคนละก้าวขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวศรีวัฒนประภาและกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อย่างสุดซึ้ง”

ข้อความแสดงความอาลัยจาก “ตูน บอดี้สแลม” และทีมงานก้าวคนละก้าว ต่อการจากไปของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนทุนประเดิมให้กับโครงการ “ก้าวคนละก้าว” วิ่งการกุศลจาก อ.เบตง จ.ยะลา ถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยให้โรงพยาบาล 11 แห่ง

นอกจากนั้น ในวันที่ทีมงานก้าวคนละก้าวได้วิ่งมาที่กรุงเทพฯ นายวิชัย ในนามของคิง เพาเวอร์ ยังได้บริจาคเงินเพิ่มจากทุนประเดิมที่ให้ไปแล้วอีก 100 ล้านบาทเพื่อร่วมโครงการ รวมทั้งได้สนับสนุนเงินในการจัดทำภาพยนตร์ “2,215 เชื่อบ้ากล้าก้าว” ซึ่งเป็นภาพยนตร์บันทึกเรื่องราว 55 วันในการวิ่ง และเพื่อนำเงินรายได้จากภาพยนตร์ไปบริจาคให้โรงพยาบาลอื่นๆที่ยังขาดแคลนต่อเนื่องไปอีก

ถือเป็นหนึ่งในกุศลที่ยิ่งใหญ่ และแรงบันดาลใจของผู้ให้อย่างแท้จริง.

INDIGO จากชุมชน“บ้านนาขาม” สินค้าดั้งเดิมของไทยสู่อังกฤษ

“INDIGO” ผลิตภัณฑ์ผ้าสีย้อมคราม ที่หายไปจากประเทศไทยมานานหลายสิบปีกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่นายวิชัย และนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา พร้อมแล้วที่จะให้การผลักดันสินค้าไทยไปสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง

ด้วยการเสาะแสวงหาชุมชนเก่าแก่ของประเทศไทยที่ “บ้านนาขาม” จังหวัดสกลนคร อันเป็นต้นกำเนิดของการย้อมคราม ในประเทศไทย สู่ทีมครูช่างศิลปหัตถกรรม ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ร่วมกับทีมนักออกแบบของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์

ภายใต้แนวคิดที่หวังจะสนับสนุนศักยภาพการผลิตของคนไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลก จนสามารถจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศไปสู่สายตา และสู่มือของผู้บริโภคชาวต่างชาติได้ ทั้งสองจึงเดินทางไปช่วยกันผลักดันให้ชาวบ้านของชุมชนบ้านนาขาม กลับมาร่วมมือกันย้อมผ้าสีครามเพื่อตัดเย็บเป็นเสื้อทีเชิ้ตลายปัก ทีเชิ้ตลายสกรีน เสื้อโปโล และผลิตภัณฑ์สำหรับแฟนสโมสรทีมฟุตบอล จิ้งจอกสีน้ำเงิน จากเลสเตอร์ ซิตี้ ของเขา ในประเทศอังกฤษได้

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกีฬา เสื้อโปโล หมวกแก๊ป หมวกไหมพรม กระเป๋าใส่ของ ย่าม ผ้าพันคอ และของใช้อเนกประสงค์ที่แฟนคลับของสโมสรเลสเตอร์ สามารถหาซื้อได้ที่ The City Fan store at King Power Stadium ในเมืองเลสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษได้ และนี่คือการนำผ้าพื้นบ้านอันทรงคุณค่าของไทยไปสร้างมูลค่าเพิ่มในอังกฤษ ถือเป็นการสร้างโอกาส-สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับชุมชนบ้านนาขาม จนผู้คนในชุมชนต้องขอร้องนักท่องเที่ยวที่จะ ไปดูการย้อมผ้าบ้านเขาว่า ขอให้บริหารจัดการงานผลิต และจำหน่ายให้คล่องตัวก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวบ้านเขาดีกว่า.

วัดสุวรรณภูมิ พุทธชยันตี ที่พัก “พระสงฆ์”รอขึ้นบิน

“วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี” อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็นวัดที่นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ร่วมกับพี่น้องในองค์กร และประชาชนทั่วไป ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า

โดยวัดถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามและวิจิตรบรรจง ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

สำหรับวัตถุประสงค์ที่สร้างวัดแห่งนี้ เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ “สนามบินสุวรรณภูมิ” อีกทั้งยังเป็นวัดที่พระสงฆ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือเดินทางไปต่างประเทศ จะเข้ามา “จำวัด” ในเวลาสั้นๆ เพื่อรอขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากภายในวัดแห่งนี้จะมีพาหนะรับ-ส่ง จากสนามบิน

โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่เดินทางจากต่างประเทศนั้น จะต้องมาต่อเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็จะมีจุดแวะพักเพื่อเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งการเข้ามาจำวัดนั้นมีความสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องจัดหาที่พักภายนอก หรือไปนั่งรอที่สนามบิน นอกจากนี้บรรยากาศภายในวัดซึ่งเป็นธรรมชาติ มีความเงียบสงบ หรือเป็นที่ “สัปปายะ” นั้น ยังเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์.

ฟ็อกซ์ ฮันท์ เลสเตอร์ ซิตี้ อะคาเดมี

เพื่อยกระดับ “ฟุตบอลไทย” ก้าวไปสู่ “ฟุตบอลในระดับอาชีพ” และเปิด โอกาสให้เด็กไทย เพิ่มทักษะและได้รับประสบการณ์ “ลูกหนัง” ในระดับสากล

นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ในฐานะประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ได้จัดตั้ง โครงการ “ฟ็อกซ์ ฮันท์ เลสเตอร์ ซิตี้ อะคาเดมี” (Fox Hunt) ขึ้น เพื่อให้โอกาสเด็กไทย ก้าวสู่เส้นทางสายลูกหนังอาชีพ

คัดเลือกนักเตะไทย ระดับเยาวชน 16 รายต่อปี บินไปร่วมฝึกทักษะลูกหนังที่ประเทศอังกฤษ

โดยนักเตะที่ร่วมโครงการจะได้ฝึกซ้อมกับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อฝึกทักษะลูกหนัง ได้เรียนรู้ระบบของฟุตบอลอาชีพ และได้เข้าเรียนที่ ร.ร.แรทคลิฟฟ์ คอลเลจ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำของอังกฤษจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมระยะเวลาที่จะไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ 2 ปีครึ่ง โดยทางคิง เพาเวอร์ ออกค่าใช้จ่ายให้เด็กไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการทุกบาททุกสตางค์

โครงการ “ฟ็อกซ์ ฮันท์ เลสเตอร์ ซิตี้ อะคาเดมี” (Fox Hunt) เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 สร้างนักเตะไทยระดับเยาวชนที่มีประสบการณ์ระดับโลกเพิ่มมากขึ้น

นอกเหนือจากการฝากความหวังให้เด็กเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทย เพื่อสร้าง “ช้างศึก” ไทยให้ก้าวสู่อันดับโลกที่สูงขึ้น หรือเข้าร่วมการแข่งขัน “บอลโลก” ในอนาคต

นายวิชัยยังมองไกลถึงการมีนักเตะไทย โลดแล่นใน “พรีเมียร์ลีก” ของอังกฤษ อีกด้วย

โดยนักเตะที่สามารถเข้าไปเล่นในลีกอังกฤษได้ โดยได้รับใบอนุญาตให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ทีมชาติของประเทศนั้น จะต้องมีอันดับที่ 60 ของโลกลงมาหรือได้เล่นอยู่ในอังกฤษเป็นเวลาที่นานเพียงพอ

และโครงการนี้ จะเป็นหนึ่งในโครงการที่ปั้นฝันของคนไทยให้เป็นจริง!

จุดกำเนิด “King Power”

EP1 ก่อนจะเป็น คิง เพาเวอร์

ในเว็บไซต์ Praew.com ของนิตยสารแพรว นำบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ไว้ก่อน นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อคิง เพาเวอร์ จะเสียชีวิต มาลงตีพิมพ์อีกครั้ง โดยบทสัมภาษณ์นี้มีหัวข้อว่า “ไขความลับชีวิต ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!”

นายวิชัยเล่าให้แพรวฟังถึงธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีว่า สมัยเรียนที่ไต้หวัน ไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขากลับตอนปิดเทอมมีคนฝากซื้อของบ่อยๆ จึงมีความคิดว่า เหตุใดประเทศไทยไม่มีร้านค้าปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง แต่พอจะทำธุรกิจจริง จึงพบว่า ต้องขอสัมปทานจากรัฐ และยุคนั้น มีรัฐวิสาหกิจเท่านั้นที่จะทำได้ และการบินไทยก็เป็นผู้ทำ

เขาจึงหันไปทำธุรกิจคัสแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม แต่โดยเหตุที่กำแพงภาษีของไทยสูงมาก จึงใช้วิธีต่อสายตรงกับซัพพลายเออร์ให้ขายเขาในราคาต่ำ ที่สุดเขาจึงมีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ฮ่องกง กัมพูชา มาเก๊า และจีน กระทั่งวันหนึ่งก็ได้เข้าไปร่วมหุ้นกับเพื่อนทำดิวตี้ฟรี (DFS) ที่ฮ่องกงจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ส่วนที่สนามบินดอนเมืองนั้น ท้ายสุดการบินไทยทำไม่ได้ ก็ต้องไปให้รายอื่นทำ และส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก นายวิชัยจึงเสนอการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ในขณะนั้นให้ทำร้านค้าปลอดภาษีด้วยโดยแยกส่วนกันระหว่างพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี กับร้านขายของที่ระลึก

ทอท.เห็นด้วยแต่ก็ยังกลัว จึงถือสัมปทานไว้เองแต่ว่าจ้างตนกับคนไทยอีกคนไปบริหาร และใช้วิธีแย่งตรง สักพักก็ตัดสินใจแยกทางกัน ต่อมารัฐบาลมีโครงการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีนอกพื้นที่สนามบิน แต่จะให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น นายวิชัยจึงไปชวน การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) ร่วมทุนทำกันที่อาคารมหาทุน

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของไทยที่มีร้านค้าปลอดภาษีในเมืองแห่งแรกในประเทศ.


EP2 กำเนิด คิง เพาเวอร์

นายวิชัยเล่าให้แพรวฟังต่อว่า ช่วงเวลานั้น เขามีปัญหากับหุ้นส่วนฮ่องกงซึ่งมีอิทธิพล ทำให้ต้องเดินทางไปพบ ไปเจรจากันบ่อยครั้ง “ผมทำใจแล้วว่า ต้องเจออะไรบ้าง วินาทีนั้น ผมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9) ภาวนาขอพระบารมีของพระองค์ท่านได้โปรดคุ้มครอง ขอให้สู้กับมาเฟียชนะ”

เขาเล่าต่อไปว่า เขาไปคนเดียว ส่วนอีกฝ่ายมีทั้งห้อง ฝ่ายนั้นทุบโต๊ะถามผมว่า จะขายหุ้นทั้งหมดไหม “ผมบอก ขายไม่ได้ ก็เจอคำถามว่า อยากจะออกจากห้องนี้ไหม ผมบอกอยากออก แถมขู่เขาไปด้วยว่า คิดให้ดีนะ ที่เมืองไทย ผมทำงานโดยใช้ชื่อว่า ททท.สินค้าปลอดอากร ซึ่งหมายถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รู้ไหมรัฐบาลถือหุ้นอยู่ ก่อนที่ผมจะมาหาคุณ ผมบอกสถานทูตแล้ว ภายใน 1 ชม.ผมไม่โทร.กลับไป เขาจะส่งตำรวจมา”

ที่สุด หุ้นส่วนของนายวิชัย ต้องยอม “พอออกมาได้ ผมก็คิดชื่อ คิง เพาเวอร์ เลย จากนั้นก็ไปทำเรื่องขอเปลี่ยนชื่อบริษัทเพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินธุรกิจต่อไป”

หันกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อสัมปทานไม่ได้อยู่ในมือ ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อ รมต.ที่กำกับดูแลให้ ททท.ทำเอง เพราะเห็นว่า คิง เพาเวอร์ จะรวยเกินไป จึงทำให้ ททท.ไม่ต่อสัญญา และเปิดร้านค้าปลอดภาษีเองที่ศูนย์การค้าเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ชั้น 7

“ผมบอก ไม่เป็นไร แต่ต้องรับปากว่า จะช่วยเอาลูกน้อง 300-400 คนไปด้วย เพราะเขามีประสบการณ์ และเขาไม่ผิด ตอนแรก ททท.ตกลง แต่กลับผิดสัญญา จึงต้องต่อสู้ให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ มีสายสัมพันธ์ และความสามารถในการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เรายังทำงานกันต่อไปแม้จะไม่มีใบอนุญาต แต่ก็ขายของในราคาปลอดภาษีได้ เมื่อของที่ขายต้องเสียภาษี แต่เอามาขายในราคาปลอดภาษี ทำให้กำไรลดลงจนขาดทุน และถูกธนาคารขู่จะฟ้อง ผมก็สู้ด้วยความจริงว่า ไม่ใช่ความผิดผม แต่เป็นเรื่องที่ผมโดนแกล้ง ก็ต้องกัดฟันสู้กันไป”.


EP3 ใบอนุญาตของ “เจ้าสัว” ที่ใครๆก็อยากได้

นายวิชัยเล่าต่อไปว่า ผ่านไป 1 ปี ร้านปลอดภาษีของ ททท.ก็เจ๊ง ต้องมาขอร้องให้ซื้อกิจการ เป็นจังหวะเดียวกับรัฐบาลเปลี่ยน เราจึงต้องขอมีเงื่อนไข และความจริงใจแลกเปลี่ยนกันด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลที ก็โดนที เมื่อตกลงกันได้ นายวิชัยจึงยอมรับพนักงานของ ททท.95% เข้ามาในแบบไม่มีเงื่อนไข

“ผมบอกเลยว่า ใครมาอยู่กับผมต้องไม่มีความอาฆาตพยาบาท ที่ผ่านมาเราอาจแข่งกัน แต่วันนี้เราต้องรวมกันสู้ ผมไม่มีแนวคิดจะยุบสาขา และถ้าใครเชื่อว่าผมเอาลูกค้ามาลงได้ ก็มาอยู่ด้วยกัน”

ต่อมา ทอท.เปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีที่ดอนเมืองรอบใหม่ ทอท.แยกให้ทำ 2 รายในอาคาร 1 และอาคาร 2 แต่ทำไปสักระยะ ก็พบว่า การให้สัมปทาน 2 รายทำให้เกิดปัญหา เพราะเวลาลูกค้าร้องเรียนเรื่องสินค้า ไม่รู้ว่าซื้อกับรายไหน “ผมจึงบอกให้ติดกล้อง CCTV และสุดท้าย ทุกอย่างก็ฟ้องด้วยภาพว่า เป็นร้านค้าปลอดภาษีของอีกฝ่าย ทอท.จึงไม่ต่อสัญญาให้ แล้วโอนสัมปทานนั้นมาให้ผมทำแต่เพียงผู้เดียว”

นายวิชัยยังขอเคลียร์ข้อกล่าวหาเรื่องผูกขาดดิวตี้ฟรีด้วยว่า เราเป็นคนไทย เหตุใดจึงให้ต่างชาติมาทำ และเมื่อถูกถามว่า การผูกขาดสัมปทานแต่ผู้เดียวยาวนานทำให้คนมองว่า คิง เพาเวอร์มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทุกรัฐบาล เขาตอบว่า มีหลายคนถามว่า ทำไมผู้ใหญ่ชอบเขา ทำให้ถูกมองว่าเขามีโอกาสมากกว่าคนอื่น

“ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจเอ็นดูผม เพราะพูดตรงไปตรงมา ไม่มีบัญชีหนึ่งบัญชีสอง ในเวลาเดียวกันมีคนบอกว่า ผมล็อบบี้เก่ง คุยกับรัฐบาลไหนก็ได้ ผมอยากบอกว่า เราเป็นพ่อค้า ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักรัฐบาลเลย คนนั้นโกหกคุณ ไม่มีนักธุรกิจคนไหนนั่งเฉยๆรอให้เขาเอาสัมปทานมาให้หรอก และเมื่อได้มาแล้วก็ต้องบอกว่า จะคืนผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ประเทศสูงสุดได้อย่างไร ถ้าเราทำให้เขาเชื่อได้ โอกาสจึงจะเกิดขึ้น”

ในช่วงที่ย้ายสนามบินไปสุวรรณภูมิ นายวิชัยบอกว่า “เขาก็ไปประมูลร่วมกับคู่แข่งมากมาย แต่เพราะเขาทำมาก่อน จึงได้เปรียบกว่าทั้งระบบ และคนทำงาน รวมถึงความเชื่อถือของทัวร์ และเจ้าของแบรนด์เนม และกรรมการก็พอใจกับข้อเสนอที่ผมให้สูงที่สุด”

สำหรับสัมปทานคิง เพาเวอร์ในสนามบินสุวรรณภูมิ จะสิ้นสุดลงในปี 2563 ทำให้มีผู้ประสงค์จะเข้าร่วมประมูลกันจำนวนมาก ในจำนวนนี้ มีทั้งผู้ที่รอได้ และที่อดทนรอไม่ได้ ประสงค์จะให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงสัญญามากมาย

เมื่อรัฐบาลได้เปิดเสรีให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีได้ทั่วประเทศแล้ว ทำให้ อาณาจักรของ คิง เพาเวอร์ ขยายออกไปมากมายทั้งที่ดิวตี้ฟรีรางน้ำ สมุทรปราการ พัทยา สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ที่สำคัญ คิง เพาเวอร์ กำลังจะเปิดร้าน เลสเตอร์ ซิตี้แฟนแห่งแรกที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส “สยาม” เร็วๆนี้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ