“ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” รีเทิร์น

การโกงบิตคอยน์เกือบ 800 ล้านบาท ที่มี บูม จิรัชพิสิษฐ์ และพี่ชายเป็นผู้ต้องหา ลุกลามดันให้ดีลเมกเกอร์ “ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ต้องออกมาแถลง และชื่อผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ร้อยเอกธรรมนัส หรือ นายธรรมนัส และที่หลายคนเรียกเขาว่า ผู้กองธรรมนัส หรือผู้กองมนัส เป็นที่รู้จักดีในวงการลอตเตอรี่มานานกว่า 10 ปี จัดเป็นอดีตผู้ทรงอิทธิพล ในฐานะผู้ที่ได้รับการจัดสรรโควตาขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามข้อมูลจดทะเบียนบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชื่อ “นายธรรมนัส” เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดขวัญฤดี เครือข่าย 5 เสือของกองสลาก

ข้อมูลที่ปรากฏคือ ผู้กองธรรมนัส ถือหุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นอีก 2 คน คือ น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต 1 ล้านบาท และนายสุธี พงษ์เพียรชอบ 1 ล้านบาท

แต่ยุครุ่งเรืองของ 5 เสือกองสลากก็จบลง เมื่อ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ จนรายใหญ่ที่เคยจำหน่ายสลากฯ รายได้ลดลง รวมทั้ง หจก.ขวัญฤดี

ย้อนไปปี 2556 หจก.ขวัญฤดี มีรายได้รวมถึง 1,590.46 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.86 ล้านบาท แต่รายได้และกำไรลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2557 จนปี 2559 มีรายได้เพียง 2.02 แสนบาท ขาดทุน 3.47 แสนบาท และในปี 2560 รายได้เหลือ 1.99 แสนบาท และขาดทุน 1.34 แสนบาท

ขณะเดียวกันเขาสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ช่วงเลือกตั้ง ม.ค. 2557 ก่อนที่ คสช.จะยึดอำนาจเข้าบริหารประเทศ 22 พ.ค. 2557 และปี 2558 ผู้กองธรรมนัสมีชื่อติดโผมาเฟียกรุงเทพฯ ที่ คสช.อยากเจอ ขณะที่เขายืนยันกับสื่อช่วงนั้นว่าตัวเองมีภารกิจคือทำธุรกิจ และใช้เวลาทำประโยชน์ให้ท้องถิ่นในพื้นที่ จ.พะเยา มากกว่า

เงียบไปพักใหญ่ จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏชื่อผู้กองธรรมนัสอีกครั้ง คราวนี้มาอยู่ในวงการตลาดหุ้น ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ด้วยจำนวน 425,934,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 8.05% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ ​195 ล้านบาท หากคำนวนจากราคาหุ้นปัจจุบัน 0.46 บาทต่อหุ้น

จำนวนหุ้นดังกล่าว ดีเอ็นเอได้รายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ว่า ผู้กองธรรมนัสซื้อมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2561 วันเดียวกับที่นายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาโกงเงินบิตคอยน์ ขายหุ้นจำนวนเดียวกันนั้น

เรื่องราวของผู้กองธรรมนัส ที่มีตำแหน่งประธานมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าเพื่อการกุศล ในวัย 53 ปี น่าจะจบลงตรงที่เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น …

แต่ล่าสุดตำรวจอยากเจอ ผู้กองธรรมนัส เพื่อมาให้ข้อมูลในคดีที่กลุ่มนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงและพี่ชายคือนายปริญญา ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ในการหลอกผู้เสียหายให้ลงทุนเงินดิจิตอลสกุล “ดราก้อน คอยน์” ด้วยการโอนเงินบิตคอยน์ และการโอนหุ้นดีเอ็นเอให้ผู้เสียหายไม่ครบตามตกลง

จนล่าสุดอดีตโบรกเกอร์รายใหญ่ คือ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ได้ออกมาแถลงข่าวว่าตนเองก็เป็นผู้เสียหายเช่นกัน และรู้จักนายปริญญาผ่านเฟซบุ๊ก จากการไปหาความรู้ธุรกิจบล็อกเชนที่สิงคโปร์ จนรู้จักกับ นายอาร์นี่ ชาวฟินแลนด์ และน.ส.ชนิกานต์ แก้วกาสี หรือ แตงโม ผู้เสียหาย จนร่วมกันตั้งบริษัททำธุรกิจสกุลเงินดิจิตอล และสนใจลงทุนซื้อหุ้นดีเอ็นเอ แต่เกิดความขัดแย้ง จนต้องดึงผู้กองธรรมนัสมาไกล่เกลี่ย และฝากหุ้นไว้ที่ผู้กองธรรมมนัส

งานนี้ดีเอ็นเอได้แถลงการณ์ก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินฉ้อโกงใดๆ ทั้งสิ้น และแน่นอนว่าหลายคนอยากฟังจากปาก “ผู้กองธรรมนัส” ในฐานะบุคคลสำคัญ ที่วงบิตคอยน์วงนี้เคยฝากความหวังให้ช่วยเคลียร์เงินหลายร้อยล้านบาทก้อนนี้