ก้าวสู่แสนล้าน! ทุนจีนบุกไทย ตั้งฐานผลิต “รถยนต์ EV” แบรนด์ไหนบ้าง? เดินสายการผลิตแล้ว

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ก้าวสู่แสนล้าน! ทุนจีนบุกไทย ตั้งฐานผลิต “รถยนต์ EV” แบรนด์ไหนบ้าง? เดินสายการผลิตแล้ว

Date Time: 27 พ.ย. 2567 14:45 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • จาก “ดีทรอยต์” แห่งเอเชีย สู่ ศูนย์กลาง EV แห่งอนาคต ทุนจีนบุกไทย ตั้งฐานการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้า” มูลค่าทะยานแสนล้าน เปิดข้อมูล แบรนด์ไหนบ้าง? เริ่มสายการผลิตแล้ว ภายใต้ ประเทศไทยตั้งธงจะเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายใน ปี 2578

Latest


จาก “ดีทรอยต์” แห่งเอเชีย สู่ศูนย์กลาง EV แห่งอนาคต…

นี่คือฝันที่ประเทศไทยอยากไปให้ถึง ภายใต้ความเชื่อมั่นว่าบ้านเรามีจุดแข็งเหนือชาติอื่นๆ เช่น เรื่องภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบจากที่ตั้งเชื่อมต่อระหว่างประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่ประชากรหนาแน่น และกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ลดการพึ่งพาน้ำมันมากขึ้นอย่างชัดเจน

จุดยุทธศาสตร์ของไทย ยังใกล้ตลาดใหญ่ เช่น จีนและอินเดีย ซึ่งมีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานครบครัน ทั้งท่าเรือ, สนามบิน และโลจิสติกส์รองรับ อีกทั้งประสบการณ์จากการเป็นฮับอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปที่มีมายาวนาน อาจช่วยให้ปรับตัวเรียนรู้ และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ได้ไม่ยาก

หากแต่ตัวแปรสำคัญในการที่จะช่วยให้ไทยพร้อมขึ้นเป็นฮับ EV ระดับเอเชีย และมองไกลไปถึงระดับโลกนั้น เหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติเลือกเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทย ยังมาจากนโยบายการสนับสนุนที่ออกมาอย่างชัดเจนของรัฐบาล ภายใต้ต้องการดึงดูดนักลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในห่วงโซ่อุตสาหกรรมเกี่ยวข้อง เข้ามาในประเทศไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ ตลาดงาน เช่น 

  • มาตรการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI (Board of Investment)
  • สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
  • การผลักดันนโยบาย 30@30 (เป้าหมายผลิตรถ EV ให้ได้ 30% ภายในปี 2573)

ซึ่งนโยบายทั้งหมด ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมทั้งการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยมาตรการทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี ในช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค EV จากกระแสปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรม EV จะเปลี่ยนอนาคตเศรษฐกิจไทยได้! และประเทศไทยตั้งเป้าเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578

ทั้งนี้ ทิศทางตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้า (Hybrid & BEV) ในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มรถ Hybrid ที่กระแสนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็เป็นอีกปัจจัย ที่ทำให้บรรดาค่ายรถEVต่างๆ ย้ายการลงทุนเข้ามาตั้งฐานการผลิต 

ขณะข้อมูลของ SCB EIC (ธนาคารไทยพาณิชย์) ระบุว่า จำนวนรถยนต์ไฟฟ้า (Hybrid และ BEV) บนท้องถนนของไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

โดยกระแสนิยมเครื่องยนต์ Hybrid มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่งระดับกลาง (ราคา 5 แสน – 1 ล้านบาท) รวมถึงกลุ่มรถหรูก็เริ่มเห็นยอดขายรถ Hybrid และ BEV มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจนสูงกว่ารถสันดาปแล้วในหลายแบรนด์ บนคาดการณ์ภายในปี 2568 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะครองส่วนแบ่งตลาดราว 30% ของตลาดรถยนต์ในไทยทั้งหมด

หลังจากช่วงปี 2566 เริ่มมีแบรนด์รถยนต์นั่งไฟฟ้า BEV สัญชาติจีน 4 รายที่ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มแบรนด์รถยนต์ 10 อันดับแรกของไทย ที่มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งมากที่สุด ได้แก่ BYD, MG, NETA และ GWM

เจาะความคืบหน้า ของห่วงโซ่อุปทาน EV ภายในประเทศไทย พบกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำทั่วโลก ที่ประกาศแผนลงทุน หลายค่ายได้เริ่มทยอยเดินสายการผลิตแล้ว นำโดยค่ายรถจากจีน ได้แก่ MG, BYD, GWM, NETA V และ Foxconn

ซึ่งจนถึงขณะนี้ รวมเม็ดเงินลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติต่างๆ ที่ประกาศการลงทุนเฟสแรก เริ่มเดินสายการผลิตแล้วในปีนี้ และต่อเนื่องปี 2568 รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 92,162 ล้านบาทคิดเป็นกำลังการผลิตปี 2567 ที่ 459,000 คัน ส่วนในปี 2568 จะมีการผลิตเพิ่มเติมจาก ChangAn และ Cherry ของจีนอีก 150,000 คัน

โรงงานรถ EV ที่เริ่มเดินสายการผลิตแล้วในปี 2567 

  • BYD (Rever) จ.ระยอง มูลค่าการลงทุน  17,900 ล้านบาท 
  • MG (SAIC Motor +CP)  จ.ชลบุรี มูลค่าการลงทุน  10,000 ล้านบาท
  • GWM จ.ระยอง มูลค่าการลงทุน 12,000 ล้านบาท
  • GAC AION จ.ระยอง มูลค่าการลงทุน  2,300 ล้านบาท
  • NETA กทม. มูลค่าการลงทุน 3,500 ล้านบาท
  • FOXCONN จ.ชลบุรี มูลค่าการลงทุน  36,100 ล้านบาท
  • Absolute Assembly (NEX+EA)  จ.ฉะเชิงเทรา  มูลค่าการลงทุน (ไม่ระบุ) 

คาดว่าจะเริ่มการผลิตนับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป 

  • ChangAn จ.ระยอง มูลค่าการลงทุน  8,862 ล้านบาท 
  • Cherry จ.ระยอง มูลค่าการลงทุน 1,500 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ปี 2568 (รวมทุกประเภท) ทั้งสิ้น 1,051,000 คัน ขณะที่ในปี 2578 มีเป้าหมายการผลิตอยู่ที่ 18,413,000 คัน ตามไทม์ไลน์ที่ตั้งธงจะเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% และราคารถ EV ต้องเทียบเท่ารถสันดาป

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ