เห็นผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะบอร์ดของ กสทช.แสดงอาการฟาดหัวฟาดหางกับการไม่เข้าประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ของบรรดาค่ายมือถือทุกค่ายตั้งแต่ เอไอเอส ทรู จนถึงดีแทคแล้ว
มิสไฟน์ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า กสทช.อาจจะลุแก่อำนาจไปหน่อย โดยเฉพาะเมื่ออำนาจที่เขาให้มาเป็นแค่หัวโขนที่เขาจะถอดเราออกเสียเมื่อไหร่ก็ได้!
ลำพังเด็กดีอย่าง เอไอเอส กับ ทรู ไม่เข้าร่วมประมูลก็ดู กสทช.จะไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่ เพราะว่าเรียกเขามาทำอะไรเขาก็ทำให้หมด ขออนุญาตใช้คำว่าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเขาก็ทำให้หมดว่างั้นเหอะ
แต่เมื่อมี ค่ายดีแทค ปฏิเสธการเข้าร่วมประมูลคราวนี้ด้วยก็ยิ่งทำให้ กสทช.เสียหน้าเลยโกรธกันไปใหญ่ จนออกมาประกาศจะไม่ให้สิทธิเยียวยาใดๆในการใช้คลื่น 1800 และ 850 เมกะเฮิรตซ์ หลังหมดอายุสัมปทาน
ก่อนอื่นต้องทราบว่าดีแทคเป็นของชาติตะวันตก ไม่ใช่ของเอเชีย หรือของประเทศไทยเรา จะได้เข้าใจว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม แล้วก็ไม่ใช่พวกลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
เมื่อเขาไม่ประสงค์จะทำสิ่งที่ออกจะอยู่เหนือเหตุผล เช่นเดียวกับเอไอเอส และทรู โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการใช้เงินลงทุนกับคลื่นความถี่ต่างๆที่มีราคาสูงลิ่วอีก ก็ควรจะรับฟังเขาหน่อย
อันที่จริงค่ายมือถือเหล่านี้ก็ทำหนังสือขอรับการช่วยเหลือและเยียวยาพวกเขาที่ต้องจ่ายค่าคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีการปั่นราคากันจนพุ่งขึ้นไปติดยอดดอยที่ 75,000 ล้านบาท ให้กับ กสทช. และรัฐบาลไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อทุกค่ายถูกกำหนดเส้นตายว่าต้องจ่ายงวดสุดท้ายอีก 60,000 ล้านบาทเศษในช่วงปี 63 ที่กำลังจะมาถึง
ถ้า กสทช.และรัฐบาลไม่ยืดระยะเวลาการจ่ายเงินออกไป หรือพยุงสถานะของพวกเขาซึ่งต้องดูแลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเกือบๆ 100 ล้านหมายเลขแล้ว
พวกเขาก็ไม่มีเงินพอจะไปลงทุนประมูลใบอนุญาตคลื่นมือถือ ที่คงจะปั่นราคาขึ้นไปติดยอดดอยอีก!!
วันนี้โลกแห่งการสื่อสาร และเทคโนโลยีต่างๆเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว รัฐบาลก็ดี กสทช.ก็ดี ควรจะเปลี่ยน Mindset ที่เรียกว่ากระบวนการทางความคิดเสียใหม่
กิจการใดที่รัฐไม่มีเงินลงทุนก็ต้องสนับสนุนให้เอกชนลงทุนในราคาที่สมเหตุสมผลกับการที่เขาจะไปแข่งกันให้บริการประชาชน ซึ่งก็จะเห็นว่าราคาที่ให้บริการปัจจุบันไม่ได้เอาเปรียบหรือแพงจนผู้บริโภครับไม่ได้
ที่สำคัญ ทุกวันนี้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ยังเป็นเผด็จการทหารอยู่ ถ้า กสทช.โดดลงไปใช้เผด็จการกับค่ายมือถืออีก รัฐบาลไทยก็ยิ่งจะเสียหายไปอีก.
มิสไฟน์