“สมคิด” แจงงบปี 62 รัฐตั้งงบรายจ่าย 3 ล้านล้านบาท ใช้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ 400,000 ล้านบาท และงบเศรษฐกิจรากหญ้า 400,000 ล้านบาท หวังให้เกิดการกระจายรายได้ ด้าน “อุตตม” นำทีมโชว์ศักยภาพการลงทุน “อีอีซี” ให้ตัวแทนและทูต 55 ประเทศ พร้อมย้ำชัด! ไม่ต้องกังวล มี พ.ร.บ.อีอีซี มีเลือกตั้ง ทุกอย่างเดินหน้าต่อตามโรดแม็ป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นงบประมาณในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ 400,000 ล้านบาท และงบประมาณเศรษฐกิจรากหญ้าของประเทศ 400,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ และร่วมสร้างอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ “รัฐมีระยะเวลาในการทำงานอีก 8 เดือน ทุกหน่วยงานจะต้องเร่ง ดำเนินการร่วมขับเคลื่อนประเทศ เดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ ขอฝากรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารต่อควรให้ความสำคัญในการออกนโยบายที่เน้นการพัฒนาเรื่องความยั่งยืน และให้ความสำคัญกับอนาคตไม่ใช่ให้ความสำคัญกับผลความพอใจของโพลเป็นหลักหรือมีอะไรก็จะจำนำอย่างเดียว เพราะเป็นนโยบายที่ไม่ได้สร้างความยั่งยืนของประเทศในอนาคต”
ขณะเดียวกัน อยากให้นักวิชาการที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมทำงานด้านการเมือง และเข้ามาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่จะมานั่งคอมเมนต์ หรือแสดงความเห็นอย่างเดียว เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้ามาทำงานด้านการเมือง
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลโดยสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดงาน “The Eastern Economic Corridor (EEC) : Taking Off” ให้แก่คณะผู้แทนทางการทูต และกงสุลประจำการในประเทศไทยประมาณ 55 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เพื่อให้รับทราบถึงนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ไทยเตรียม พร้อมขับเคลื่อนไปสู่โหมดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากพระราชบัญญัติอีอีซีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
“เจอคำถามจากนักลงทุนว่าจะมีความต่อเนื่อง โครงการนี้หรือไม่ กฎหมายอีอีซีจะผ่านหรือยัง วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พ.ร.บ.อีอีซีมีแล้ว และจะทำให้ทุกคนเห็นถึงความต่อเนื่องของโครงการต่างๆ ที่ขณะนี้เตรียมเปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้ว จึงเชื่อได้ว่าโครงการในอีอีซี ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะเดินหน้าต่อและทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้”
นายอุตตมกล่าวว่า ได้ชี้แจงถึงนโยบายที่รัฐบาล พร้อมไปโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังนี้ ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศ คณะทูตต่างๆ สามารถอัปเดตข้อมูลและเตรียมความพร้อมสำหรับภาคเอกชนของแต่ละประเทศที่มีความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการอีอีซีได้ ล่าสุดปลายเดือน มิ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีและคณะเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ขณะเดียวกันก็มองการโรดโชว์ในแถบเอเชียทั้งเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น โดยวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานนิเคอิ ฟอรัม ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็จะถือโอกาสนี้ชักชวนลงทุนในอีอีซีด้วย
“การเดินทางไปฝรั่งเศสปลายเดือน มิ.ย.นี้จะมีการลงนามอย่างเป็นทางการของการบินไทย หรือทีจี กับบริษัทแอร์บัส อินดัสตรี จำกัด เพื่อเป็นพันธมิตรดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) โครงการนี้ไทยเตรียมพื้นที่ไว้ 600 ไร่ ซึ่งทีจีและแอร์บัสต้องการพื้นที่ 200 ไร่ นอกจากนี้ ยังสนใจรายอื่นด้วย เช่น แอร์เอเชีย 70 ไร่ บริษัทจากญี่ปุ่นอีก 1 ราย รวมๆแล้วจะมีผู้พัฒนาโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 3 ราย”
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐทราบว่านักลงทุนต่างกังวลความไม่ต่อเนื่องของอีอีซี เพราะไทยจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ดังนั้นจึงชิงตอบประเด็นนี้ก่อนที่จะถูกถาม โดยยืนยันว่าแม้ไทยกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งแต่โครงการอีอีซีจะเดินไปตามแผนงานเพราะมีกฎหมายที่เขียนไว้ชัดเจนยากที่จะเปลี่ยน แปลงและการอนุมัติต่างๆ อาจมีความล่าช้าหากไม่ใช่รัฐบาลปัจจุบัน จึงเป็นที่มาทำให้รัฐจะเร่งสรุปผู้ชนะประมูลและเอกชนดำเนินการ 8 โครงการภายในปีนี้ให้เสร็จ ได้แก่ 1.รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 3.ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) 4.ท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 5.ท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 6. เมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) 7.เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) และ 8.เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi)