6 หน่วยงานหลักผนึกกำลังจัดการบัญชีม้านิติบุคคล หลังพบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และนำมาใช้หลอกให้คนโอนเงินแทนบัญชีม้าบุคคลที่เปิดยากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 65 อาชญากรรมออนไลน์สร้างความเสียหายสูงถึง 8 หมื่นล้าน แต่หลังจากปราบปรามเด็ดขาด คดีเริ่มลดลงจากเดือนละ 1,200 คดี เหลือ 900 คดี ขณะที่จัดการบัญชีม้าบุคคลไปแล้ว 1.92 ล้านบัญชี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมพัฒนาธุรกิจ การค้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแสดงความร่วมมือการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล หลังจากในช่วงที่ผ่านมา การออก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและระงับบัญชีม้าตามเส้นทางเงิน กำหนดโทษสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า รวมทั้ง การพัฒนาระบบ Central Fraud Registry (CFR)แลกเปลี่ยนเส้นทางการเงินเมื่อเกิดเหตุและสนับสนุนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งช่วยให้บัญชีม้าถูกระงับเป็นจำนวนมากและเปิดใหม่ได้ยากขึ้น ส่งผลให้มิจฉาชีพเปลี่ยนไปใช้บัญชีนิติบุคคลเป็นเครื่องมือกระทำผิดมากขึ้น
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า ตั้งแต่การเก็บสถิติอาชญากรรมออนไลน์ตั้งแต่ปี 65 พบการแจ้งคดีทั้งสิ้นกว่า 800,000 คดี ความเสียหายรวม 70,000-80,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาหลังออก พ.ร.ก.ได้มีการกำหนดธุรกรรมเสี่ยงที่ต้องสงสัย 21 ข้อ และจัดทำบัญชีบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นบัญชีม้า หรือ HR-03 ส่งต่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อปราบปรามจับกุมและระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่ผ่านมาได้ช่วยลดจำนวนบัญชีม้าที่เป็นบุคคลลงได้
ทั้งนี้ ต่อข้อถามที่ว่า หลังจากที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ได้ร่วมกันจัดการมิจฉาชีพในประเทศ และตามแนวชายแดน พบว่า จำนวนคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่แจ้งความเข้ามาลดลงจากเดิมเฉลี่ยมากกว่า 1,200 คดีต่อเดือน ลดลงเหลือ 900 คดีต่อเดือน และเป็นที่น่าสังเกตว่าคดีหลอก หรือข่มขู่ให้โอนเงิน การหลอกให้รักแล้วโอนเงิน หรือหลอกลงทุนลดลงมาก ในขณะที่การหลอกซื้อสินค้ายังคงเพิ่มขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้บัญชีนิติบุคคลในการกระทำความผิด แต่ละคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง เนื่องจากบัญชีนิติบุคคลใช้โอนเงินได้ครั้งละจำนวนมากโดยไม่ต้องสแกนใบหน้า โดยจากการตรวจสอบพบว่า มิจฉาชีพจะจ้างนายหน้าที่อาจจะเป็นสำนักงานทนายความหรือสำนักงานผู้สอบบัญชี เพื่อไปจัดตั้ง และจัดหากรรมการในการจัดทำบัญชีม้านิติบุคคล เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจเข้มของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การเปิดบัญชีม้าที่เป็นบุคคลธรรมดาทำได้ยากขึ้น
ด้านนางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า จากการยกระดับการจัดการบัญชีม้าที่เป็นบุคคลในช่วงที่ผ่านมา ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ม.ค.68 สถาบันการเงินสามารถระงับธุรกรรมการเงินของบุคคลที่เข้าข่ายเป็นบัญชีม้า ทั้งม้าดำ ม้าเทา ม้าน้ำตาลแล้วทั้งสิ้น 140,000 คน คิดเป็นจำนวนบัญชีม้า 1.92 ล้านบัญชี ขณะที่การยกระดับป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำบัญชีนิติบุคคลไปใช้หลอกลวงประชาชนนั้น เป็นการร่วมมือกันเพื่อสกัดกั้นไม่ให้จำนวนม้านิติบุคคลเพิ่มขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากรมได้เชื่อมข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และกำหนดมาตรการเข้มในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล โดยได้ออกคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 3/2567 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดของบุคคล โดยเมื่อมีบุคคลตามรายชื่อในบัญชี HR-03 ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของ ปปง. มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและแจ้งชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการบริษัท จะต้องให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตัวยืนยันตัวตนต่อหน้านายทะเบียนก่อนรับจดทะเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มาแสดงตัวตน แต่หากมาแสดงตัวตนเพื่อจดทะเบียน ก็จะให้จดทะเบียนไปก่อน แต่จะส่งชื่อนิติบุคคลดังกล่าวให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อการติดตามขยายผลต่อไป และระงับการทำธุรกรรมการเงินต่อไป
“ในช่วงที่ผ่านมาเราได้นำรายชื่อบัญชีม้าที่เป็นบุคคลมาเทียบกับกรรมการของนิติบุคคล พบว่าตรงกันจำนวน 1,043 นิติบุคคล และได้ส่งชื่อกลับไปให้ AOC เพื่อขยายผลแล้ว และทุกครั้งที่ AOC แจ้งการอัปเดตบัญชีรายชื่อ HR-03 กรมจะตรวจสอบ และหากพบนิติบุคคลที่มีกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ในบัญชี HR-03 จะแจ้งกลับ AOC เพื่อขยายผลต่อไป ทั้งนี้ การทำงานขณะนี้เป็นการทำงานตรวจสอบเบื้องหลัง จึงไม่มีผลต่อการจดทะเบียนของนิติบุคคลที่สุจริตอย่างแน่นอน”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล