Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

ชงซื้อสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น กกร.เชิญ “นายกฯอิ๊งค์” รับมือ “ทรัมป์”

Date Time: 10 มี.ค. 2568 09:01 น.

Summary

  • “สนั่น” เผย 13 มี.ค.นี้ “นายกฯอิ๊งค์” เชิญ กกร.หารือวางแผนรับมือทรัมป์ 2.0 หลังก่อนหน้านี้ กกร.เสนอให้ตั้งทีมเฉพาะกิจเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกไทยเดี้ยง พร้อมแนะรัฐแจงไทยก็เสียเปรียบดุลการค้าบริการสหรัฐฯต่อเนื่องด้วย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 13 มี.ค.นี้ ในช่วงบ่าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทยมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อวางแผนเตรียมการรับมือนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่สหรัฐฯอาจใช้มาตรการต่างๆกับไทย เช่น มาตรการทางภาษี เพื่อลดขาดดุลการค้ากับไทย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กกร.เสนอให้รัฐตั้งทีมเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีอำนาจตัดสินใจและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ภาคการส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบ พร้อมเสนอให้ภาครัฐชี้แจงสหรัฐฯด้วยว่า ที่ผ่านมาไทยก็เสียเปรียบดุลการค้าภาคบริการกับสหรัฐฯ เช่น บริการดิจิทัล ค่าบริหารจัดการลิขสิทธิ์ ภาคธนาคาร ภาคประกันภัย การศึกษา ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มองว่าแนวทางหนึ่งที่จะลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯคือ ไทยอาจพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯโดยเฉพาะในกลุ่มที่ไทยขาดแคลนอย่างเกษตร อาหาร และพลังงาน เช่น พืชอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลือง), อาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอนแช่แข็ง หอยเชลล์ และปลาทูน่า ซึ่งนอกจากจะลดความกดดันด้านดุลการค้าแล้ว ยังช่วยสนับสนุนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร

นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐบาลควบคุมการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือราคาถูกจนส่งผลต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยเฉพาะตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหรือหลบเลี่ยงภาษี เพราะมาตรการกีดกันการนำเข้าของสหรัฐฯ จะทำให้สินค้าจากหลายประเทศทะลักเข้าสู่ไทยและอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตรและอาหาร เป็นต้น รวมถึงตรวจสอบการใช้ราคาต่ำผิดปกติเพื่อทำลายการแข่งขัน และป้องกันการทุ่มตลาด

พร้อมกันนั้นรัฐควรออกกฎหมายหรือมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยอาจกำหนดมาตรการปกป้องธุรกิจภายในประเทศจากการทุ่มตลาดของสินค้าต่างชาติ และทบทวนกฎหมายแข่งขันทางการค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงต้องดูแลค่าเงินบาทเพราะประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อาจใช้กลยุทธ์บริหารค่าเงินเพื่อลดผลกระทบจากภาษี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับกรณีที่สหรัฐฯขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีนไปแล้วนั้น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่าจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อไทย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 20,000-25,000 ล้านบาท ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยลดลงไป0.1-0.5% ส่วนการขึ้นภาษีรถยนต์จะกระทบกับไทย 60,000-65,000 ล้านบาท ทำให้จีดีพีลดลง 0.35-0.40% ส่งผลให้จีดีพีปีนี้โตได้เพียง 2.6-2.8% แต่หากทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจากไทยและทั่วโลก ประเมินผลกระทบขั้นต่ำที่จะเกิดกับการส่งออกไทยไว้ที่ 100,000-150,000 ล้านบาท จีดีพีจะลดลง 0.5-0.7% และเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะโตได้เพียง 2.3-2.5%.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

เพศของคุณคือ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)