Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

"เสน่ห์ไทย" ประกาศศักดาเวที ITB Berlin 2025 รัฐบาลรุกนักท่องเที่ยวคุณภาพยุโรป

Date Time: 10 มี.ค. 2568 05:30 น.

Summary

  • นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” ได้เข้าร่วมในงาน ITB Berlin 2025 ถึง 2 วัน วันแรกเป็นประธานในงาน Amazing Thailand Networking Event โดยกล่าวปาฐกถาให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเยอรมนีและทั่วภูมิภาคยุโรป ตลอดจนสื่อมวลชนในตลาดเยอรมนี ร่วม 300 คน เพื่อนำเสนอศักยภาพประเทศไทย

งานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก Inter nationale Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2025 ที่กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 4–6 มีนาคม 2568 เพิ่งเสร็จสิ้นลง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชนไทย 160 ราย เข้าร่วมในงานนี้ ซึ่งนับว่าพิเศษกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง ททท.เคยนำภาคเอกชนเข้าร่วมงานเพราะปีนี้ไทยประกาศให้เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 จึงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ขยายพื้นที่คูหาประเทศไทย และมีผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วมมากกว่าทุกปีถึงเท่าตัว

ย้อนกลับไปปีก่อน ช่วงรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เข้าร่วมงาน ITB Berlin พร้อมตัดสินใจจัดสรรงบพิเศษ ที่ส่งต่อมาถึงนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เพื่อขยายพื้นที่คูหาประเทศไทยจากเดิมขนาด 540 ตารางเมตร เป็น 1,820 ตารางเมตร แทบจะเต็มพื้นที่ของ Hall 26 ของ Berlin ExpoCenter City เพื่อเพิ่มพื้นที่เจรจาธุรกิจให้ภาคเอกชน

“นายกฯแพทองธาร” ที่รับไม้ต่อมา มีนโยบายให้เปิดพื้นที่โอกาสให้ผู้ประกอบการจากเมืองน่าเที่ยวหรือเมืองรอง รวม 19 ราย จาก 18 จังหวัด บนโซนเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gem Cities) ที่ปกติเอกชนกลุ่มนี้ไม่มีกำลังทรัพย์มาร่วมงานในงานระดับโลกเช่นนี้

เป้าหมายของการมาร่วมงานในปีนี้ ททท.คาดหวังการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของภาคเอกชนที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆที่ 1,800–2,000 ล้านบาท เป็น 5,800–6,000 ล้านบาท นับเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล 10.6 ล้านคน สร้าง
รายได้ทางการท่องเที่ยว 870,000 ล้านบาท

“นายกฯอิ๊งค์” ประกาศชวนเที่ยวไทย

นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” ได้เข้าร่วมในงาน ITB Berlin 2025 ถึง 2 วัน วันแรกเป็นประธานในงาน Amazing Thailand Networking Event โดยกล่าวปาฐกถาให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเยอรมนีและทั่วภูมิภาคยุโรป ตลอดจนสื่อมวลชนในตลาดเยอรมนี ร่วม 300 คน เพื่อนำเสนอศักยภาพประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ชู Soft Power หรือเสน่ห์ไทย เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค และเร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มีการชูเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัดศักยภาพ เข้าสู่เวทีการเสนอขายในระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้ชื่อ Maha Songkran World Water Festival 2025, Pride Month, เทศกาลลอยกระทง และ Amazing Thailand Countdown ขณะที่เทศกาลด้านกีฬาที่สำคัญ ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Women's Volleyball World Championship 2025) และซีเกมส์ 2025 โดยตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 39 ล้านคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2568

วันที่สอง นายกรัฐมนตรีเข้าคูหาประเทศไทย เพื่อพบปะ หารือกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานกิจกรรมไทยแลนด์ มินิมาร์ท พร้อมรับฟังความเห็นจากกลุ่มผู้ซื้อทั่วภูมิภาคยุโรปที่ร่วมกิจกรรมนี้ และร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป Scents of Thai DIY ทำถุงเครื่องหอมแบบไทยจากดอกไม้แห้งและน้ำมันหอมดอกไม้ไทย ร่วมชมจัดแสดง Thailand Green Destinations Map นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยที่ได้รับมาตรฐานความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ตลอดจนชมการสาธิตมวยไทยโบราณที่ได้รับความนิยมในยุโรปอย่างมาก และยังได้หารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับผู้บริหาร Trip.com ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ของโลก

เปิดพื้นที่แห่งโอกาส “เมืองน่าเที่ยว”

โซนเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gem Cities) ถูกจับตามองมากว่า จะได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการที่เป็นฝั่งผู้ซื้อในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเพียงใด ปรากฏเพียงเริ่มงานในวันแรก ก็ได้รับความสนใจทันที ซึ่งหากประสบความสำเร็จ จะเป็นการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ๆของไทยให้นักท่องเที่ยวยุโรปได้รู้จักผู้ประกอบการจากเมืองน่าเที่ยว ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 รายคือ The Legend Chiang Rai Boutique River Resort and Spa จ.เชียงราย, โรงแรมแสงปอยคอทเทจ จ.แม่ฮ่องสอน, บ้านชมปรางค์ Chomprang House จ.สุโขทัย, Nan Boutique Hotel and Resort จ.น่าน, แพร่ทราเวล โดยบริษัท ลายโมทีป จำกัด จ.แพร่, โรงแรมทรีธารา จ.ลำปาง และวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ออนใต้ จ.เชียงใหม่

ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ 4 ราย ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นิวเวฟทราเวล จ.หนองคาย, บริษัท ธนาทิพย์ 456 จำกัด จ.อุดรธานี, เฮือนหลวงพระบาง จ.เลย, โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว และโรงแรมฟอร์จูน วิวโขง จ.นครพนม

ภาคตะวันออก 4 ราย ได้แก่ บริษัท มณีจันท์รีสอร์ท แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จ.จันทบุรี, The Mak Trat จ.ตราด, บริษัท วังตะพาบรีสอร์ท จำกัด จ.ปราจีนบุรี, La Villa Boutique Hotel จ.สระแก้ว

ภาคใต้ มี 3 ราย ได้แก่ Mook Lamai Resort จ.ตรัง, AaVa Resort&Spa จ.นครศรีธรรมราช, เดอะ ชีวาเลย์ บีช รีสอร์ท จ.สตูล นอกจากนี้ มีสตาร์ตอัพ 1 ราย คือ บริษัท Local Alike จำกัด

“สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงโซนนี้ว่า มีการจับคู่จังหวัดนั่งโต๊ะเจร

จาธุรกิจ โดยเลือกจังหวัดที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการไปในทิศทางเดียวกันได้ เช่น นครศรีธรรมราช มี “Atte Savisalo” ชาวฟินแลนด์ กรรมการผู้จัดการ Aava Resort &Spa รีสอร์ตระดับ 4 ดาว สไตล์สแกนดิเนเวียผสมความเป็นไทย ซึ่งได้รับเลือกเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการที่พักใน อ.ขนอม และ อ.สิชล ให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมงานนี้มานำเสนอ จ.นครศรีธรรมราชให้เป็นที่รู้จัก มีความเชี่ยวชาญการขายมาก่อนได้นั่งโต๊ะเจรจาเดี่ยวๆ

มีซุ่มเสียงของผู้ประกอบการเมืองน่าเที่ยว สะท้อนการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ อาทิ “ภิญโญ วิสัย” ผู้ก่อตั้ง และผู้จัดการทั่วไป วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ออนใต้ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เป็นการเดินทางมาต่างประเทศครั้งแรกของผู้ประกอบการขนาดเล็ก ช่วยสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นให้มีความแพร่หลายในตลาดใหญ่ระดับสากล

ขณะที่ “ธีรวุธ กล่อมแล้ว” กรรมการผู้จัดการบริษัท ลายโมทีป จำกัด จาก จ.แพร่ กล่าวสอดคล้องกันว่า หากไม่ได้การส่งเสริมจากภาครัฐ จะไม่สามารถร่วมงานระดับโลกเช่นนี้ได้เพราะต้นทุนค่อนข้างสูง ครั้งนี้ได้พบกับกลุ่มเป้าหมายฝั่งยุโรป ได้สร้างเครือข่ายต่อยอดเส้นทางท่องเที่ยวในภูมิภาคและจังหวัด
ที่ใกล้กัน โดยเฉพาะแหล่งอันซีนโชว์ท่องเที่ยวยั่งยืน–เสน่ห์ไทย

ภายในคูหาประเทศไทย ยังมีไฮไลต์ของพื้นที่ที่นำเสนอเสน่ห์ไทย ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ภายใต้แนวคิด 5 Must do in Thailand ควบคู่ไปกับการนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน

“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ปีนี้ให้ความสำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด Sustainable Thailand Soft Power โดยการออกแบบสะท้อนเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก (Local Meets Global)

จึงจัดโซน SANEH THAI SHOWCASE, SUSTAINA BILITY NOW แสดงสินค้าอัตลักษณ์ที่นำเสนอเรื่องราวเมืองน่าเที่ยวจากภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมีพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป Scents of Thai DIY ถุงเครื่องหอมแบบไทยจากดอกไม้แห้งและน้ำมันหอมดอกไม้ไทย

โซน SANEH THAI Café นำเสนอเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ และโกโก้ จากแหล่งปลูกในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

“ททท.ได้มุ่งเน้นสร้างการรับรู้เสน่ห์ไทย หรือ The Charm of Thailand เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของไทย มีหลายมิติ ทั้งความอ่อนน้อม รอยยิ้ม ความสนุกสนานของคนไทย ศิลปวัฒนธรรม เทศกาล งานประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อ อาหารไทย รวมถึงงานหัตถกรรมต่างๆที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค เสน่ห์ไทยจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาสัมผัส”

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไทย พันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด, กรมการท่องเที่ยว, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน), การกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด และสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)

ไทยคว้ารางวัลจุดหมาย LGBTQ+

ก่อนจบงาน ITB Berlin 2025 ยังมีข่าวดี เมื่อ Spartacus นิตยสารเยอรมนีเชิงไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มเกย์ชื่อดัง ประกาศรางวัลจากการโหวตของผู้อ่านและคัดเลือกโดยทีมงาน ผู้เข้าร่วมงานฯ ประกอบด้วย Travel Trade สื่อมวลชน องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ และผู้แทนสายการบิน จำนวนกว่า 100 คน ให้ประเทศไทยเป็น Best LGBTQ Destination เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวเยอรมันกลุ่ม LGBTQ+ ในการเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจากการประกาศใช้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมของประเทศไทยเมื่อเดือน ม.ค.2568

ขณะเดียวกันสองเมืองนำเที่ยวของไทย “เมืองเก่าน่าน” จ.น่าน สามารถคว้าเหรียญทองแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก Green Destinations Award พร้อมกับ “เชียงคาน” จ.เลย ได้รับการจัดอันดับที่ 2 รางวัล Green Destinations Top 100 Story Awards นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยในการสร้างภาพลักษณ์ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวสู่มาตรฐานอย่างยั่งยืนในระดับสากล.


ทีมเศรษฐกิจ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

เพศของคุณคือ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)