"พิชัย" เผยแจกเงินหมื่นเฟส 3 ปรับเกณฑ์ใหม่ แต่ยังอุบไต๋ พร้อมหวัง กนง. 26 ก.พ.นี้ ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพิ่มความร้อนแรงให้เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ขณะที่กรมบัญชีกลางชี้นายกฯ เรียกคุยรายกระทรวง เร่งเบิกจ่ายงบลงทุน ย้ำมีงบเหลื่อมปีรอเบิกจ่ายกว่า 1.2 แสนล้านบาท เร่งดันลงต่างจังหวัด
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 (ดิจิทัลวอลเล็ต) ซึ่งยังมีงบเหลืออีก 157,000 ล้านบาท และอาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการบางประการ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 26 ก.พ.นี้นั้น หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะเศรษฐกิจไทยดีขึ้น และจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความร้อนแรงของเศรษฐกิจได้ ส่วนเงินเฟ้อจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่พอดีด้วย
“ถ้ามองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 2.5% เท่านั้น ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า 2 ไตรมาสแรกของปีที่แล้วรัฐบาลทำอะไรไม่ได้มาก เพราะงบปี 67 ออกมาล่าช้ากว่ากำหนด ขณะที่ไตรมาส 3 และ 4 รัฐบาลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 3% และ 3.2% ตามลำดับ ถือว่าขยายตัวได้ต่อเนื่อง หากนำภาพเศรษฐกิจครึ่งแรกของปีก่อน ที่มีข้อจำกัดมากมายมาวิเคราะห์ ก็อาจวิเคราะห์ผิดได้”
สำหรับการลดดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากลดต้นทุนทางการเงินให้ประชาชนและภาคธุรกิจแล้ว ยังช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เป็นผลดีต่อการส่งออก และยังช่วยให้สถาบันการเงินมีความยึดหยุ่นในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งล่าสุด ตนได้หารือกับรัฐบาลญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นบอกว่า เขาเป็นประเทศส่งออก ได้ประโยชน์จากการส่งออกเพราะค่าเงินเยนอ่อน แม้ผู้นำเข้าได้รับผลกระทบบ้าง แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ฟื้นขึ้นมาได้
“ค่าเงินอ่อนเป็นผลของการใช้มาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย การปล่อยสินเชื่อ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตอนนี้ถ้ามองเรื่องอะไร ต้องไม่มองด้านเดียว ต้องมองว่าทำอย่างไรให้มีเงินหมุนเวียน และเหมาะสมกับสถานการณ์ หวังว่าการมองอะไรด้านเดียวจะต้องมองให้เกิดความสมดุลด้วย”
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ โดยเฉพาะให้เอสเอ็มอีนั้น กระเตื้องขึ้นแล้ว ขณะที่อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) ก็พยายามให้ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับ ธปท.และสถาบันการเงินเรื่องการเพิ่มมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน และปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเร็วๆนี้จะมีมาตรการเพิ่มเติม ขณะที่โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ลูกหนี้หลายรายยังไม่เข้าโครงการ บางรายอาจไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ บางรายอาจไม่รับสายจากสถาบันการเงิน เกรงจะเป็นมิจฉาชีพ ดังนั้น อาจปรับปรุงวิธีการเพิ่ม เพื่อให้ลูกหนี้เข้าถึงโครงการนี้ได้มากขึ้น
ด้านนางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนว่า ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายเบิกจ่าย 80% ของงบประมาณทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ตั้งเป้าหมาย 75% แต่เบิกจ่ายจริง 65% เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณออกมาล่าช้า สำหรับปีนี้นายกฯเรียกหน่วยงานที่มีวงเงินงบลงทุนจำนวนมากมาสอบถามความคืบหน้าการเบิกจ่าย เช่น คมนาคม เกษตรและสหกรณ์ มหาดไทย เป็นต้น “ขณะนี้ติดตามเป็นรายสัปดาห์ และรายเดือน ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ การเบิกจ่ายงบลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 29% และจะเร่งรัดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเงินที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีตั้งแต่ปีงบที่แล้ว ที่จะมาเบิกจ่ายในปีนี้มีวงเงิน 120,000 ล้านบาท ได้ทยอยเบิกจ่ายมาเรื่อยๆภายในปีนี้”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล