นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าจีนตรวจพบการใช้สาร Basic Yellow 2 (BY2) ในทุเรียน และชะลอการนำเข้าจากไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 68 รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถกลับมาส่งออกทุเรียนไปจีนได้ตามปกติ ภายใน 10 - 15 วัน พร้อมทั้งขอให้กรมการค้าภายในช่วยดูแลไม่ให้มีการกดราคาซื้อขายทุเรียน
ทั้งนี้ กรมได้ประชุมหารือร่วมกับจังหวัดชุมพรและนครศรีธรรมราช โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตามสถานการณ์การซื้อขายทุเรียนอย่างใกล้ชิด ณ โรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) รวมทั้งประสานสมาคมการค้าผลไม้ที่เกี่ยวข้องกำชับสมาชิกสมาคมฯ ให้รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ในราคาที่เป็นธรรม ไม่กดราคารับซื้อ รวมทั้งให้แสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน และใช้เครื่องชั่งที่มีมาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่เป็นผู้รวบรวม โรงคัดบรรจุ (ล้ง) ต้องแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน ภายในเวลา 8.00 น. ของทุกวัน หรือทันทีที่เปิดทำการรับซื้อ ณ บริเวณหน้าจุดรับซื้อ เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบและสามารถเปรียบเทียบราคารับซื้อได้
พร้อมกันนั้น ได้กำชับให้ผู้รวบรวมและล้งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการกดราคารับซื้อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีไม่แสดงราคารับซื้อ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีดัดแปลงแก้ไขเครื่องชั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท
“กรมการค้าภายใน ได้เตรียมแผนรองรับด้านการตลาดภายในประเทศ โดยได้ประสานภาคีเครือข่ายของกรมฯ อาทิ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างท้องถิ่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดกลาง ในการเชื่อมโยงกระจายทุเรียนเพื่อจำหน่ายให้ประชาชน โดยเน้นคุณภาพและราคาที่เป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้พร้อมดำเนินการทันที”
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตทุเรียนนอกฤดูของจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 11-20 ม.ค. 68 คาดว่าจะออกสู่ตลาด 2,700 ตัน อำเภอที่ออกมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล และอำเภอนบพิตำ โดยผลผลิตช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. จะมีจำนวนรวม 10,311 ตัน ส่วนราคารับซื้อทุเรียนช่วงเดือนธ.ค. 67-ม.ค. 68 เกรด A B C เฉลี่ยอยู่ที่ 180 – 250 บาท/กิโลกรัม (กก.) ส่วนตกเกรด อยู่ที่ 60 – 70 บาท/กก. โดยเกรด A B C ราคาสูงกว่าปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ที่อยู่ที่ 160 - 180 บาท/กก. แต่ภายหลังจากการตรวจพบสาร BY2 ของจีนส่งผลให้ราคาปีนี้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 160 บาท/กก. ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับเกษตรกรที่มีการทำสัญญาซื้อขายไว้ล่วงหน้ายังคงขายได้ในราคาที่มีการตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ที่ราคา 180 - 250 บาท/กก.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล