Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

SMEs ขาดสภาพคล่อง แข่งขันไม่ได้ ระเบิดเวลา “จ้างงานไทย” หวั่นคนตกงานพุ่ง ฉุดกำลังซื้อ

Date Time: 29 ส.ค. 2567 09:10 น.

Summary

  • เปิดสัญญาณความเสี่ยง SMEs ครึ่งปีแรก สินเชื่อหด โรงงานขนาดเล็กแห่ปิดตัว เหตุปรับตัวไม่ทัน แข่งขันไม่ได้ แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ซ้ำเติมต้นทุนจนขาดสภาพคล่อง หวั่นคนตกงานพุ่ง ฉุดกำลังซื้อ

หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 90.8% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่โตต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้าง กำลังฉุดรั้งขีดความสามารถของธุรกิจในประเทศ และกัดกินคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็น SMEs ทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมทยอยล้มหายตายจาก เนื่องจากปรับตัวไม่ทันเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป ประกอบกับธุรกิจต่างประเทศเข้ามาดิสรัป โดยเฉพาะธุรกิจจากจีนที่เข้ามาตีตลาดสินค้าไทยในหลายอุตสาหกรรม และปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ การขาดสภาพคล่อง เนื่องจากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ SMEs ต้องแบกภาระหนี้สินสะสมตั้งแต่โควิด

ล่าสุดรายงานภาวะสังคมไทยในไตรมาส 2/2567 ของสภาพัฒน์ฯ แสดงความกังวลเพิ่มขึ้นต่อผลกระทบการจ้างงานหาก SMEs ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก SMEs เป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นแหล่งการจ้างงานมากถึง 70% ของการจ้างงานทั้งประเทศ และในปี 2566 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นสัดส่วนมากถึง 35.2% ของ GDP อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน SMEs กำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง สะท้อนจากสัดส่วนหนี้เสีย (NPLs) ต่อสินเชื่อรวมของ SMEs ในไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้น 7.2% จากระดับ 4.6% ในไตรมาส 1/2562

โดยเป็นผลมาจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและระดับหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้ผู้บริโภครัดเข็มขัดการใช้จ่าย ขณะที่ธนาคารก็เข้มงวดในการให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจ ต่อเนื่องไปยังความสามารถในการทำกำไร สะท้อนจากดัชนีต้นทุนของธุรกิจรายย่อย (Micro) และธุรกิจขนาดกลาง (Medium) ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 15.1% และ 2.2% ตามลำดับ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่การเลิกจ้างแรงงาน SMEs ซึ่งจะฉุดกำลังซื้อในประเทศให้ตกต่ำลง

เปิดสัญญาณความเสี่ยง SMEs ครึ่งปีแรก

1. สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง

แม้การเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs จะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังลึกในระบบเศรษฐกิจไทยมานาน แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงถึง 16 ล้านล้านบาท และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ทำให้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา สินเชื่อธุรกิจรายย่อยที่วงเงินน้อยกว่า 500 ล้านบาท หดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ในไตรมาส 2/2567 อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ SMEs หดตัวที่ 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลัก ๆ มาจากการหดตัวในอุตสาหกรรมที่มีปัญหาเชิงโครงสร้าง ปรับตัวไม่ทัน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพาณิชย์ ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า ในไตรมาส 2/2567 แม้สัดส่วน SMEs ที่มีภาระหนี้จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 64.3% แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มกู้เงินไปใช้หมุนสภาพคล่องธุรกิจ และชำระหนี้เดิมมากขึ้น นอกจากนี้ในภาพรวม ธุรกิจ SMEs ส่วนใหญ่ยังสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

2. โรงงานเล็กแห่ปิดตัว

ข้อมูลการแจ้งประกอบกิจการและปิดโรงงานอุตสาหกรรม ถือเป็นเครื่องชี้หนึ่งที่สำคัญในการสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิต โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ค. 67) มีโรงงานเลิกประกอบกิจการแล้ว 667 แห่ง และมีโรงงานเปิดใหม่แจ้งประกอบกิจการแล้ว 1,260 แห่ง โดยอัตราการเลิกประกอบกิจการอยู่ที่ 54% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี และเมื่อหักลบโรงงานที่ปิดตัวลง ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ จากยอดโรงงานใหม่ มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 167,691 ล้านบาท และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,663 คน

แม้ข้อมูลในภาพรวม ดูเหมือนว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจะยังเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากมียอดเปิดโรงงานใหม่มากกว่าโรงงานที่ปิดไป แต่เมื่อพิจารณาไส้ใน พบว่า โรงงานที่ปิดตัวไปส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็ก เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า โรงงานที่ปิดตัวไปมีมูลค่าเงินลงทุนเฉลี่ยโรงงานละ 20 ล้านบาท ขณะที่โรงงานที่เปิดส่วนใหญ่มีมูลค่าเฉลี่ยแต่ละโรงงาน 170 ล้านบาท เป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่า SMEs ไทยมีเปราะบางมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดั้งเดิม ที่ต้องเผชิญกับต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น สวนทางกับขีดความสามารถในการแข่งขันที่น้อยลง ซึ่งหากทุกภาคส่วนไม่เร่งให้ความช่วยเหลือ ด้วยการปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม พัฒนาศักยภาพการแข่งขัน หามาตรการป้องกันการทุ่มตลาด รวมถึงปลดล็อกการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในอนาคตอันใกล้ เราอาจเห็น SMEs หลุดจากซัพพลายเชน เมื่อโลกเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่อย่างเต็มตัว

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Money

แบบสำรวจพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่

คิดว่า ลงทุน กับอะไรได้ผลตอบแทนดีที่สุด

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)