พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขอแจ้งเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้ระมัดระวังมิจฉาชีพมาหลอกลวงเอาทรัพย์สิน
โดยอาชญากรรมออนไลน์ ใช้หลอกลวงเหยื่อหลักๆ มี 3 ประเภท คือ 1.Romance Scam หรือหลอกรักให้เปย์ แล้วเททิ้ง โดยคนร้ายเป็นแก๊งชาวผิวสี เริ่มด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม ใช้รูปผู้อื่นส่วนใหญ่ปลอมเป็นชาวยุโรป อเมริกัน ชาวตะวันออกกลาง ที่หน้าตาดี หล่อ รวย มีการใช้ชีวิตที่หรูหราเข้ามาทักทายเหยื่อ (เป้าหมายคือหญิงไทยอายุ 40 ปีขึ้นไป) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อและหลงรักก็จะเริ่มหลอกลวงเพื่อหวังเงินจากเหยื่อโดยจะใช้วิธีการต่างๆ เช่น อ้างว่าจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้ จากนั้นจะมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นคนไทยติดต่อเหยื่อโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหรือบริษัทส่งของระหว่างประเทศ มีการเรียกเก็บภาษีหรือค่าปรับจากเหยื่อ เป็นต้น
2.Hybrid Scam หรือหลอกรักชวนลงทุน คนร้ายเป็นแก๊งชาวจีน เริ่มด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม โดยใช้รูปหญิงสาวสวยชาวเอเชีย น่าเชื่อถือ เข้ามาทักทายเหยื่อ (เป็นผู้ชายอายุ 30 ปีขึ้นไปที่เข้าใจระบบการลงทุนออนไลน์) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พอเหยื่อหลงเชื่อหรือหลงรัก ก็จะบอกกับเหยื่อว่ามีธุรกิจใหม่น่าลงทุน ผลตอบแทนสูง เช่น การเทรดค่าเงินต่างประเทศ อ้างว่าได้กำไร จากนั้นจะส่งลิงก์แอปพลิเคชันมาให้เหยื่อติดตั้งในโทรศัพท์ และเริ่มนำเงินมาลงทุน แรกๆจะได้กำไรจริง จากนั้นชักชวนให้เพิ่มวงเงินลงทุน เมื่อเทรดแล้วได้กำไร การจะนำเงินออกจากระบบต้องจ่ายภาษี 30-40% เช่น ถ้าได้กำไร 1,000,000 บาท ต้องโอนเงิน 400,000 บาท เข้าระบบก่อน เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าระบบแล้วจะไม่สามารถถอนเงินออกได้ ทำให้เหยื่อสูญเงินเป็นจำนวนมาก
3.Sextortion หรือหลอกให้ถ่ายคลิปช่วยตัวเองแล้วเอามาแบล็กเมล์ โดยคนร้ายเป็นแก๊งชาวฟิลิปปินส์ เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม โดยใช้รูปหญิงสาวสวย เซ็กซี่ เข้ามาทักทายเหยื่อ (เป็นผู้ชายที่มีหน้าที่การงานมั่นคง มีฐานะดี เป็นที่นับถือในสังคมเป็นคนรักครอบครัว) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อจะขอวิดีโอคอล ชักชวนให้เหยื่อถ่ายคลิปวิดีโอช่วยตัวเองหรือภาพลามกของเหยื่อส่งมาให้กับคนร้าย จากนั้นจะบันทึกภาพหรือคลิปของเหยื่อไว้นำมาข่มขู่เอาเงิน.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล