มีลูกเมื่อพร้อม มีไข่ต้องฝาก หนุนธุรกิจแช่แข็ง ฝากไข่โตทั่วโลก ชายสูบบุหรี่ ปาร์ตี้หนักเชื้อเสื่อม

Business & Marketing

Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

มีลูกเมื่อพร้อม มีไข่ต้องฝาก หนุนธุรกิจแช่แข็ง ฝากไข่โตทั่วโลก ชายสูบบุหรี่ ปาร์ตี้หนักเชื้อเสื่อม

Date Time: 10 ม.ค. 2568 10:25 น.

Video

โลกร้อน ทำคนจนกว่าที่คิด "คาร์บอนเครดิต" โอกาสในเศรษฐกิจโลกใหม่

Summary

  • “มีลูกเมื่อพร้อม มีไข่ต้องฝาก” หนุนธุรกิจแช่แข็ง - ฝากไข่โตทั่วโลก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดมูลค่าตลาดทะลุ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ พบคนไทยแห่ผสมเทียม ทำเด็กหลอดแก้วสูงขึ้น ดันอุตสาหกรรมเกิดใหม่ รักษาการมีบุตรยาก ชี้ชายไทยสูบบุหรี่ ปาร์ตี้หนัก ดื่มแอลกอฮอล์ เสี่ยง! เชื้อเสื่อม แนวโน้มสูงขึ้น

Latest


มีคาดการณ์ที่อาจเป็นไปได้ ว่า จำนวนประชากรของประเทศไทย จะลดลงจาก 66 ล้านคน (ปี 2566)  เหลือเพียง 33 ล้านคน ในปี 2626 หากอัตราการเสียชีวิต ของคนไทย  ยังมากกว่า “การเกิด”

โดยช่วงปี 2567 นับเป็นปีทื่ 4 ติดต่อกัน ที่อัตราเด็กแรกเกิด ต่ำกว่า 500,000 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิต สูงกว่า 570,000 คน

ซึ่งนอกจากสาเหตุ วัยหนุ่มสาว คู่รักแต่งงาน นิยมมีบุตรน้อยลงแล้ว ยังมาจากภาวะมีบุตรยาก ที่เกิดขึ้นในหมู่คนไทยอีกด้วย โดยรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ฉบับล่าสุด ระบุว่า เป็นทั้งเรื่องน่ากังวลที่จะกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ก็ผลักดันโอกาสให้กับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อย่าง ธุรกิจบริการรักษา ภาวะมีบุตรยาก ด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว และมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับในหมู่คนต่างชาติ 

ในรายละเอียด เผยว่า ทั่วโลก รวมถึงประเทศ อยู่ในภาวะ การเจริญพันธุ์ของประชากรลดลง ซึ่งการคาดการณ์ของ UN เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เผยว่า เดิม (ปี 2513) จากเฉลี่ยผู้หญิง1คน จะมีบุตร 4.8 คน แต่ในปี 2568 อาจเหลือแค่ 1 : 2.2 คน เท่านั้น 

ขณะอายุเฉลี่ยในการคลอดบุตรคนแรก อยู่ที่ 28 ปี ซึ่งสะท้อนว่า คู่สมรสนิยมมีบุตรกันช้าลง ซึ่งเทรนด์ดังกล่าว เป็นปัจจัยหนุนหลักที่ทำให้ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของโลกยังมีทิศทางขยายตัว มูลค่า ราว 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดโตเฉลี่ยปีละ 8% โดยเฉพาะ บริการแช่แข็ง /ฝากไข่ 

ธุรกิจรักษาการมีบุตรยากในไทย ขยายตัว พบชายไทยมีแนวโน้มเชื้ออสุจิเสื่อมมากขึ้น

ทั้งนี้ การเติบโตของตลาด Fertility Tourism ของโลก ส่งผลให้ไทยน่าจะได้รับอานิสงส์จากการเดินทางเข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของชาวต่างชาติมากขึ้น

เจาะตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทย อาจโตได้ถึง 6.2% จากปี 2567 ด้วยมูลค่า 6.3 พันล้านบาท ตามความต้องการใช้บริการที่ยังเพิ่มขึ้นจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ประเด็นสำคัญ พบว่า สัดส่วนกว่า 55% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด จะมาจากผู้ใช้บริการคนไทย หลังจากหลายคู่สมรส ก็กำลังประสบภาวะมีบุตรยากจากปัญหาสุขภาพ เช่น ความไม่สมบูรณ์ของฮอร์โมน โรคอ้วน และโรคเครียดจากการทำงาน มีปัญหาด้านการเจริญพันธ์ ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย

ผลักดันแนวโน้ม การรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วแบบเฉพาะเจาะจง (ICSI) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี

เนื่องจาก ผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าว ระบุว่าในระยะหลัง ภาวะมีบุตรยากที่พบในคู่สมรสชาวไทยมีความซับซ้อน และพบว่าเกิดในฝั่งเพศชายมากขึ้นจากความไม่สมบูรณ์ของน้ำเชื้ออสุจิตามพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และความผิดปกติที่เกิดจากการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เป็นต้น ซึ่งการรักษาด้วย ICSI ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จะให้อัตราความสำเร็จที่สูงกว่าวิธีอื่นๆ 

การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีผสมเทียม (IUI) เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง สะท้อนจากช่วงหลังโควิดจำนวนรอบการรักษาด้วยวิธี IUI มีสัดส่วนลดลงจาก 31% ในปี 2565 คาดว่าจะเหลือเพียง 28% ในปี 2568 

เช่นเดียวกับการทำเด็กหลอดแก้วแบบปกติ (IVF) ที่อัตราการเติบโตของรอบการรักษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 2% ต่อปี ส่วนแนวโน้มผู้รับบริการกลุ่มอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน จากแนวโน้ม การปรับมาตรการ /กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ประเทศจีน มีการผ่อนปรนให้ประชากรมีบุตรได้ 3 คน ตั้งแต่ ปี 2564 

“ มูลค่าตลาดต่างชาติที่มีสัดส่วนกว่า 45% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ยังมีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้น จากผู้รับบริการในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย และอาเซียน ที่นิยมเดินทางเข้ามารักษาภาวะมีบุตรยากในไทย ซึ่งไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของการเดินทางมารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก จาก Fertility Tourism ที่มีความโดดเด่นหลายด้าน “

ส่วนประเทศไทย ก็มีการปรับกฎหมายอุ้มบุญ และ ให้คู่สมรสเพศเดียวกัน มีลูกได้เช่นกัน 

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ