จาก 167 ปี Jingle Bells สู่ Mariah Carey ทำไมเพลงคริสต์มาสถึงเป็นสินทรัพย์อมตะที่ทำเงินได้ทุกปี

Business & Marketing

Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จาก 167 ปี Jingle Bells สู่ Mariah Carey ทำไมเพลงคริสต์มาสถึงเป็นสินทรัพย์อมตะที่ทำเงินได้ทุกปี

Date Time: 25 ธ.ค. 2567 13:57 น.

Video

นักลงทุนรุ่นใหม่ ยังเป็น VI ได้ไหมในยุคนี้กับ “เซียนมี่ ทิวา” และ ”นิ้วโป้ง อธิป“ | Money Issue

Summary

  • เรียกได้ว่าเพลงคริสต์มาสคือ "สินทรัพย์อมตะ" เพราะมีหลายเพลงที่แม้เวลาจะผ่านมายาวนานแค่ไหน ก็ยังคงถูกเล่นซ้ำ ๆ ฟังซ้ำ ๆ อยู่ตลอด จนศิลปินเก็บเป็นเงินบำนาญได้เลยทีเดียว โดยในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรกัน ทำไมเพลงคริสต์มาสถึงติดหูและคงอยู่ตลอดกาลได้แบบนี้

Latest


ช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังวนกลับมาอีกครั้ง ช่วงคริสต์มาสที่ปัจจุบันนี้ทุกคนต่างก็มองว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุข และสิ่งหนึ่งที่เป็นสีสันสร้างความสดใสในทุก ๆ ปี คงหนีไม่พ้น “เพลงคริสต์มาส” เพลงอมตะ ที่ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน แม้แต่เด็ก ๆ ตัวน้อยก็ยังร้องได้

ไม่ว่าจะเป็น “Jingle Bells” ที่กำเนิดเมื่อปี 1857 ตอนนี้อายุก็ปาเข้าไป 167 ปีแล้ว “Rudolph the Red-nosed Reindeer” เพลงคริสต์มาสของเด็ก ๆ อายุปัจจุบันก็ 75 ปี หรือจะเพลงสร้างบำนาญของราชินีแห่งคริสต์มาส Mariah Carey ที่ฮิตมาต่อเนื่องตั้งแต่ 1994 อย่างเพลง “All I Want for Christmas is You” ทุกเพลงก็ยังคงติดชาร์ต ติดหูอยู่ตลอด

อะไรคือเอกลักษณ์เฉพาะของเพลงคริสต์มาส?

จากบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Montclair ในสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า เพลงคริสต์มาสที่ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ต่อเนื่อง เพราะสอดคล้องกับอารมณ์ของผู้ฟัง กล่าวคือ เพลงสามารถเชื่อมต่อเนื้อร้อง ทำนอง จังหวะ เข้ากับอารมณ์ของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ชวนให้นึกถึงอดีต บ้างก็พาย้อนกลับไปในวัยเด็ก โดยมักจะทำให้คิดถึงช่วงคริสต์มาสที่อยู่พร้อมหน้ากับคนที่รัก

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ด้านดนตรีของมหาวิทยาลัย Montclair ก็ยังเผยต่ออีกว่า เพลงคริสต์มาสยังมีเอกลักษณ์เฉพาะอีกหลายอย่าง ได้แก่

  • การกระตุ้นอารมณ์: เพลงที่มีเสน่ห์ทางอารมณ์หรือความทรงจำที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อมโยงกับเทศกาลคริสต์มาส เช่น “I’ll Be Home for Christmas” และ “Have Yourself a Merry Little Christmas”
  • ทำนองที่ติดหู: เพลงที่ติดหูและมีทำนองที่จำง่าย เช่น “Jingle Bell Rock,” “Rockin’ Around the Christmas Tree” และ “Let It Snow! Let It Snow! Let It Snow!”
  • จังหวะที่สนุกสนาน: เพลงส่วนใหญ่เป็นเพลงจังหวะเร็ว สนุกสนาน เช่น “Rudolph the Red-Nosed Reindeer,” “Sleigh Ride” และ “Santa Claus is Coming to Town”
  • ความทรงจำที่ไม่ลืม: เพลงที่พาผู้ฟังย้อนกลับไปในยุคก่อนและกระตุ้นความทรงจำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น “It’s Beginning to Look A Lot Like Christmas” และ “Deck the Halls”

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ “เสียงกระดิ่ง” ที่ทำให้รู้แน่นอนว่านี่คือ คริสต์มาส อีกทั้งเนื้อเพลงที่พูดถึงสภาพอากาศหนาว ๆ ชวนให้หลายคนนึกถึงหิมะตก และได้นั่งอยู่ข้างเตาผิงอุ่น ๆ พร้อมกับช็อกโกแลตร้อน ก็ยังเป็นการบรรยายบรรยากาศของคริสต์มาสได้ดีอีกด้วย

เพลงคริสต์มาส ทำเงินได้เยอะแค่ไหน?

เพลงที่ถูกกล่าวถึงตลอดกาลอย่าง “All I Want for Christmas is You” ก็ได้ขึ้นติดชาร์ตอันดับ 1 บน Billboard ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเพลงนี้ยังคงทำเงินให้กับแม่ Mariah Carey มาต่อเนื่อง จากข้อมูลของ CNBC พบว่า ในปี 2022 ทาง Mariah Carey ทำเงินได้สูงกว่า 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลบน CNBC ที่อ้างอิงจาก Chee ของ Donahue Fitzgerald พบว่า ลิขสิทธิ์สำหรับงานที่เผยแพร่หลังจากวันที่ 1 มกราคม 1978 โดยทั่วไปจะคงอยู่ตลอดช่วงชีวิตของผู้เขียนหรือผู้แต่ง และจะคงอยู่ต่อไปอีก 70 ปีหลังจากการเสียชีวิตของผู้เขียน

ซึ่งเพลง All I Want for Christmas is You ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี 1994 และติดชาร์ตอันดับ 1 บน Billboard ในช่วงคริสต์มาสทุกปีตั้งแต่ 2016 ก็มีการประมาณการไปว่า สามารถทำเงินได้รวมกว่า 103 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ทาง RadioX ยังได้เผยรายชื่อเพลงคริสต์มาส ประมาณการว่าสามารถทำรายได้สูงสุด 10 ลำดับแรกในแต่ละซีซัน ได้แก่

  1. Slade - Merry Christmas Everybody ประมาณ 626,655 ดอลลาร์สหรัฐ
  2. The Pogues - Fairy Tale of New York ประมาณ 501,388 ดอลลาร์สหรัฐ
  3. Mariah Carey - All I Want For Christmas Is You ประมาณ 471,304 ดอลลาร์สหรัฐ
  4. Bing Crosby - White Christmas ประมาณ 411,141 ดอลลาร์สหรัฐ
  5. Wham! - Last Christmas ประมาณ 376,044 ดอลลาร์สหรัฐ
  6. Paul McCartney - Wonderful Christmastime ประมาณ 325,904 ดอลลาร์สหรัฐ
  7. Jona Lewie - Stop The Cavalry ประมาณ 150,429 ดอลลาร์สหรัฐ
  8. The Pretenders - 2000 Miles ประมาณ 127,865 ดอลลาร์สหรัฐ
  9. Cliff Richard - Mistletoe And Wine ประมาณ 125,299 ดอลลาร์สหรัฐ
  10. East 17 - Stay Another Day ประมาณ 121,525 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: Montclair, CNBC, RadioXPeople

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ