ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด เผยแพร่บทความ Krungthai compass ชวนติดตาม Digital Profile ของคนไทยในปี 67 พร้อมแนะ 3 แนวทางในการทำธุรกิจรับเทรนด์ชีวิตดิจิทัล โดยระบุว่า ในปี 66 ที่ผ่านมา ผลการจัดอันดับดัชนีคุณภาพชีวิตดิจิทัล (Digital Quality of Life Index: DQL Index) ซึ่งจัดทำโดย Surfshark องค์กรที่ทำงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ที่สำรวจและเก็บข้อมูลด้านดิจิทัล พบว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับคุณภาพชีวิตด้านดิจิทัลอยู่ในอันดับที่ 51 จาก 121 ประเทศทั่วโลก ปรับดีขึ้น 12 อันดับ จากปี 63 ซึ่งมีอันดับอยู่ที่ 63 และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน พบว่าไทยมีดัชนีคุณภาพชีวิตด้านดิจิทัล อยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ตามลำดับ
ขณะที่ปัจจุบันไทยมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 63.2 ล้านคน หรือคิดเป็น 88% ของประชากรทั้งหมด โดยชาวเจนวาย (Gen Y) เป็นกลุ่มที่มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตและโซเชียล มีเดีย สูงสุด ขณะที่ชาว Baby Boom เป็นกลุ่มที่มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ใช้โซเชียล มีเดีย กลุ่มหลักที่สำคัญต่อการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าระยะเวลาใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยนั้นกลับลดลงจากวันละ 9 ชั่วโมงในปี 63 เหลือวันละ 7 ชั่วโมง 58 นาทีในปี 67 ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากคนกลับสู่ชีวิตปกติหลังล็อกดาวน์และออกไปใช้ชีวิตมากขึ้นหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19
สำหรับการใช้งานโซเชียล มีเดีย มีผู้ใช้งานโซเชียล มีเดีย 49.1 ล้านคนในปี 67 เพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 66 หรือคิดเป็น 68.3% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสัดส่วนของชาย-หญิงค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยรายงานของ We Are Social ยังระบุว่า ในปี 67 คนไทยใช้เวลาไปกับการเล่น Social Media โดยเฉลี่ยมากถึง 2 ชั่วโมง 31 นาทีต่อวัน ไม่แตกต่างมากนักจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Krungthai compass พบว่า ธุรกิจต่างๆ ให้ความสนใจและหันมาทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยมีอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์มเพื่อใช้ทำการตลาดกับผู้บริโภคและส่วนใหญ่เลือกใช้ Facebook เป็นช่องทางหลัก แต่เมื่อพิจารณาระหว่างความสนใจของผู้บริโภคและการเลือกใช้แพลตฟอร์มของแต่ละธุรกิจ พบว่าในแต่ละแพลตฟอร์มยังมีช่องว่างให้ผู้ประกอบการเข้าไปทำตลาดกับผู้บริโภคได้อีกมาก
โดยประเมินจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โซเชียล มีเดีย และสมาร์ทโฟน บวกกับพฤติกรรมการซื้อสินค้า และบริการผ่านช่องทางออนไลน์ของคนไทยที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ทำให้ Krungthai COMPASS ประเมินว่ามูลค่าตลาด E-Commerce ของไทยมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 9.6% ขึ้นไปอยู่ที่ 677,000-747,000 ล้านบาท ในระหว่างปี 67-68 โดยกลุ่มสินค้าที่คนไทยหันมาซื้อผ่านตลาด E-Commerce มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าแฟชั่น.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่