การ์ทเนอร์ประเมินปี 67 แนวโน้มควบรวมลดลง 50% ดีลผูกขาดอาจถูกตรวจสอบหนัก ข้อได้เปรียบหลักของดีลเล็ก

Business & Marketing

Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

การ์ทเนอร์ประเมินปี 67 แนวโน้มควบรวมลดลง 50% ดีลผูกขาดอาจถูกตรวจสอบหนัก ข้อได้เปรียบหลักของดีลเล็ก

Date Time: 21 ธ.ค. 2566 12:00 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • การ์ทเนอร์ (Gartner) เผยเทรนด์การควบรวม และซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) ในปี 2567 มีแนวโน้มลดลง 50% จากจุดสูงสุดในปี 2564 โดยมี AI ส่งผลบวกกับโอกาสการควบรวม ขณะที่กฎระเบียบตรวจสอบการผูกขาดจะทวีความเข้มข้นขึ้น

Latest


การ์ทเนอร์ (Gartner) เปิด 4 เทรนด์สำคัญของการควบรวม และซื้อกิจการ หรือ Mergers and Acquisitions (M&A) ในปี 2567 ซึ่งรวมถึงการปลดล็อกโอกาสการควบรวม และซื้อกิจการทางเทคโนโลยี ท่ามกลางความคลุมเครือทางเศรษฐกิจระดับมหภาคด้วยการใช้ AI มาปรับปรุงกระบวนการควบรวมฯ การเข้าซื้อกิจการในธุรกิจกลุ่ม AI และสำรวจสภาพแวดล้อมของกฎระเบียบที่ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

มาร์ค แครอล รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ เผยว่า การควบรวมกิจการทั่วโลกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแต่มีแนวโน้มลดลง 50% จากจุดสูงสุดในปี 2564 ด้วยความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคและกฎระเบียบ และการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ AI ที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถพาองค์กรกลับเข้าสู่ตลาด M&A อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2567

สำหรับเทรนด์ที่ 1 การ์ทเนอร์ระบุว่า ความคลุมเครือทางเศรษฐกิจมหภาคจะยังคงมีอยู่ในปีหน้า โดยมีสัญญาณบวกและลบปะปนกัน ซึ่งส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การจ้างงาน ต้นทุนของเงินลงทุน และความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภค

โดยก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงจะต้องต่อสู้เพื่อการระดมทุนในรอบถัดไปพร้อมกับการมองหาทางเลือกซึ่งรวมไปถึงการเปิดให้เข้าซื้อกิจการโดยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุน และอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือ ‘Strategic Buyers’ 

ซึ่งการ์ทเนอร์แนะนำว่าองค์กรที่มีเงินทุนควรใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยการเข้าซื้อกิจการธุรกิจเทคโนโลยีขนาดเล็ก (Techquisitions) ด้วยความที่มีมูลค่าต่ำกว่าและเข้าถึงเงินทุนได้น้อยกว่าและโดยทั่วไปมักจะเปิดให้เข้าซื้อกิจการได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุน

เทรนด์ที่ 2 การ์ทเนอร์ระบุว่า การใช้ AI จะมีผลอย่างมากต่อกระบวนการควบรวมกิจการโดยจะทำให้กระบวนการควบรวมเกิดขึ้นได้เร็วและมีประสิทธิภาพ โดยการ์ทเนอร์แนะนำให้ใช้ AI ในกระบวนการ M&A แบบภายในก่อนโดยพัฒนาและทดสอบเคสการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ในด้านสัญญา

เทรนด์ที่ 3 การ์ทเนอร์เผยความเชื่อมั่นว่า การที่องค์กรต่างให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยีจะนำไปสู่การสร้างข้อตกลง หรือดีลธุรกิจมากมายในปี 2567 แม้ว่าการควบรวมกิจการของธุรกิจ AI จะยังไม่ได้รับความนิยมสำหรับองค์กรต่างๆ ก็ตาม

และจากการสำรวจความคิดเห็นของซีอีโอ และผู้บริหารธุรกิจของการ์ทเนอร์ประจำปี 2566 พบว่า AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่สุด โดยการ์ทเนอร์แนะนำว่าการเข้าซื้อธุรกิจ AI จะเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญในปีหน้า และสำหรับองค์กรที่ขาดทักษะหรือมีเวลาจำกัดในการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีด้วยตนเองก็สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ M&A เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีได้

เทรนด์ที่ 4 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการตรวจสอบกฎระเบียบในดีล M&A โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผูกขาดทางการค้า และความมั่นคงของชาติจะเริ่มทวีความเข้มข้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวขัดขวางดีล M&A ขนาดใหญ่ในปี 2567 

แต่แนวโน้มดังกล่าวกลับเพิ่มความน่าสนใจในการดีล M&A กับบริษัทขนาดเล็ก และหลายบริษัทในอุตสาหกรรมจำนวนมาก ที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในสภาพแวดเช่นล้อมนี้

คริส แกนลี่ รองประธานทีมผู้จัดการของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า แม้การตรวจสอบกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อธุรกรรม M&A ขนาดใหญ่ แต่สามารถสร้างโอกาสทางการแข่งขันให้กับองค์กรที่เป็นผู้นำในการบรรลุดีลขนาดเล็กๆ มากขึ้น

พร้อมเสริมว่า “การควบรวมกิจการยังเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรส่วนใหญ่ ดังนั้นปีหน้าเราจะเห็นความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับมือกับแนวโน้มตลาดนี้อย่างไร โดยความสำเร็จของการควบรวมกิจการหมายถึงการที่ผู้บริหารสามารถวางตำแหน่งองค์กรของตนให้เป็นผู้นำตลาดต่อไปได้ในอีกหลายปีข้างหน้า”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ