8 อันดับ นาฬิการาคาแพงสุดในโลก Graff Diamonds ครองแชมป์ด้วยราคา 1,900 ล้านบาท

นาฬิกาที่ไม่ใช่เพียงเครื่องบอกเวลาแต่เป็นสิ่งที่ใช้แสดงสถานะทางสังคม ซึ่งราคานั้นสูงราวกับยกบ้านหรือรถมาไว้บนข้อมือเลยทีเดียว แต่นาฬิกาแต่ละชิ้นนั้นล้วนมีที่มาและองค์ประกอบซึ่งทำให้มีมูลค่ามหาศาล มาดูกันว่านาฬิกาหรูเหล่านี้มีเรือนไหนที่เคยผ่านตาเรามาแล้วบ้าง

อันดับ 1 คือ Graff Diamonds Hallucination ราคา 1.92 พันล้านบาท

นาฬิกาสีสันสดใสแต่ราคาไม่สดใสตามอย่างรุ่น Graff Diamonds Hallucination จากแบรนด์ Graff ผู้ผลิตอัญมณีจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี 1960 โดย Laurence Graff พ่อค้าอัญมณีและเศรษฐีชาวอังกฤษ

ตัวนาฬิกาประดับประดาไปด้วยเพชรหลากสีสันทั้งชมพู เหลือง ฟ้า และเขียว หนักกว่า 110 กะรัต เจียระไนมาอย่างประณีตเป็นรูปทรงต่างๆ ประดับอยู่บนสายทองคำขาวทั้งเส้น เปิดตัวไปเมื่อปี 2014 ในงาน BASELWORLD ซึ่งเป็นงานจัดแสดงนาฬิกาและจิวเวลรี่ 

และนาฬิกาเรือนนี้ครองแชมป์นาฬิกามูลค่าสูงสุดในโลกที่ราคา 55 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.92 พันล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อันดับ 2 คือ Patek Philippe Grandmaster Chime Ref. 6300A-010 ราคา 1.23 พันล้านบาท

นาฬิกาจากแบรนด์ Patek Philippe ซึ่งมีสองหน้าปัดสามารถหมุนได้ทั้งหน้าหลัง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 เพื่อฉลองครบรอบ 175 ปีของแบรนด์ ทั้งยังเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดที่เคยผลิตมา ซึ่งใช้เวลากว่า 7 ปี ในการพัฒนาและผลิต

ตัวนาฬิกาสามารถพลิกกลับได้สองด้าน ด้านหนึ่งจะเป็นหน้าปัดสีโรสโกลด์ ส่วนอีกด้านเป็นสีดำ และหน้าปัดทั้งสองยังทำจากทองคำ 18k ตัวนาฬิกาเป็นเรือนแรกและเรือนเดียวที่ทำจาก Stainless Steel จึงเป็นที่มาของชื่อ 'ONLY ONE' ซึ่งสามารถกันความชื้นและฝุ่น แต่ไม่กันน้ำ และมาพร้อมสายหนังจระเข้สีดำเงาเย็บด้วยมือ

โดยนาฬิกาเรือนนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับงานประมูลนาฬิกาเพื่อการกุศล Only Watch 2019 ซึ่งถูกประมูลไป 31 ล้านฟรังก์สวิส (หรือประมาณ 1.23 พันล้านบาท) ทุบสถิติราคาประมูลสูงสุดของปี จากราคาขายเดิมที่ 2.5 ล้านฟรังก์สวิส (หรือประมาณ 99.42 ล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 39.77 บาท 

อันดับ 3 คือ Breguet Grande Complication Marie-Antoinette ราคา 1.04 พันล้านบาท 

นาฬิกาจาก Breguet แบรนด์นาฬิกาหรู ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1775 โดย Abraham-Louis Breguet ณ ประเทศฝรั่งเศส และในปี 1999 ก็ได้อยู่ภายใต้บริษัท Swatch Group และใช้เวลาการสร้างกว่า 40 ปี

สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ถูกสั่งทำขึ้นในปี 1783 เพื่อมอบให้กับพระนางมารี อองตัวเน็ต ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชันซับซ้อนทุกตัวที่จะสามารถทำได้ในยุคนั้น โดยมีทั้งตัวขานเวลา (Minute Repeater), ตัววัดอุณหภูมิ (Thermometer), ปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar) และ ตัวแสดงพลังงานสำรอง (Power-Reserve Indicator)

ส่งผลให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีลูกเล่นและมีราคาแพงที่สุดในยุคนั้น และปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 30 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.04 พันล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อันดับ 4 คือ Jaeger-LeCoultre Joaillerie 101 Manchette ราคา 907.73 ล้านบาท

นาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จากแบรนด์ Jaeger-LeCoultre ในเครือ Richemont ที่ผสมผสานเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewelry) กับการผลิตนาฬิกาชั้นเลิศ

โดยตัวเรือนทำจากทองคำขาว ตกแต่งด้วยเพชร 576 เม็ด รวมไปถึงสายรัดที่ทำจากทองขาวประดับเพชรอีก 400 เม็ด ออกมาเป็นหน้าปัดนาฬิกาที่กลืนไปกับเพชรทรงสี่เหลี่ยม และทำงานด้วยกลไกนาฬิกาที่เล็กที่สุดในโลกอย่าง Calibre 101

ด้วยความหรูหราประณีต และเป็นนาฬิกาที่พระราชินีทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีมูลค่า 26 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 907.73 ล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อันดับที่ 5 คือ Chopard 201 Carat Watch ราคา 872.81 ล้านบาท

นาฬิกาจากแบรนด์ Chopard ที่ระยิบระยับด้วยสีสันจากเพชร 874 เม็ด รวม 201 กะรัต พร้อมกับเพชรรูปหัวใจขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางสามเม็ดประกอบไปด้วยเพชรสีชมพู 15 กะรัต สีฟ้า 12 กะรัต และสีขาว 11 กะรัต

ด้วยความหรูหราที่เปล่งประกายออกมาทำให้นาฬิกาเรือนนี้สนนราคาอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 872.81 ล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อันดับ 6 คือ Patek Philippe Henry Graves Supercomplication ราคา 837.90 ล้านบาท

หนึ่งในนาฬิกาพกที่มีฟังก์ชันซับซ้อนและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก ซึ่งนับว่าเป็น Masterpiece ของการผลิตนาฬิกา ใช้เวลาผลิตตั้งแต่ปี 1925-1932 เพื่อส่งมอบในปี 1933 ให้กับ Henry Graves Jr. นายธนาคารชาวอเมริกันผู้สั่งผลิต “นาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลก” ขึ้นมาเป็นพิเศษ

โดยนาฬิกาตัวนี้ของ Patek Philippe มีกลไกการทำงานถึง 24 แบบ ซึ่งรวมไปถึงปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar), เสียงบอกเวลา (Westminster chimes), เวลาขึ้นและตกของพระอาทิตย์ ตลอดจนแผนที่ท้องฟ้าของนิวยอร์กเมื่อมองจากบ้านของ Graves ซึ่งอยู่ที่นิวยอร์ก

และเมื่อปี 2014 นาฬิกาเรือนนี้ก็ได้ถูกนำมาประมูลอีกครั้งโดยบริษัทจัดประมูล Sotheby's จัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และถูกประมูลไปในราคา 23.23 ล้านฟรังก์สวิส หรือประมาณ 24 ล้านดอลลาร์ขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นเงินประมาณ 837.90 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท 

อันดับ 7 คือ Jacob & Co Billionaire ราคา 628.43 ล้านบาท

แม้นาฬิกา Billionaire ของบริษัท Jacob & Co. จะพึ่งเปิดตัวไปในปี 2015  แต่กลับติดอันดับนาฬิการาคาแพงที่สุดในโลก ด้วยหน้าปัดและสายที่ทำจากทองขาว (White Gold) 18 กะรัต และเพชรเจียระไนทรงเอมเมอรัลคัทและเพชรบาเก็ต 325 ชิ้น หนัก 177.11 กะรัต ประดับอยู่บนสายและตัวเรือนของนาฬิกาเรือนนี้

บนหน้าปัดก็จะเผยให้เห็นกลไกการทำงานของนาฬิกาที่เรียกว่า “Tourbillon” ที่ทำขึ้นด้วยมืออย่างประณีต เป็นการผสมผสานความสวยงามของเพชรพร้อมกับโชว์ให้เห็นการทำงานของนาฬิกาไว้อย่างลงตัวทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีราคาสูงกว่า 18 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 628.43 ล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อันดับ 8 คือ Rolex Paul Newman Daytona ราคา 619.70 ล้านบาท

Paul Newman นักแสดงและนักแข่งรถชาวอเมริกันเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้นาฬิกา Daytona ของ Rolex ได้รับความนิยม จากความหลงใหลในนาฬิกา ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ภรรยาของเขาสั่งผลิตในปี 1968 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่สามี โดยมีข้อความสลักด้านหลังว่า “DRIVE CAREFULLY ME”

ซึ่ง Newman สวมใส่นาฬิกาขณะแข่งรถจนปรากฏสู่สายตาผู้คน ซึ่งก็ได้ทำให้นาฬิกา Paul Newman Daytona Ref. 6239 เป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบันด้วยดีไซน์ที่คลาสสิก และกลายเป็นความทรงจำของแฟนๆ จนเป็นนาฬิกาที่อยู่เหนือกาลเวลา

และนาฬิกาเรือนนี้ก็ได้กลายเป็นนาฬิกาที่มีราคาสูงสุดตลอดกาลของ Rolex โดยในปี 2017 ได้ถูกประมูลไปเป็นมูลค่า 17.75 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 619.70 ล้านบาท) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 สิงหาคม ที่ 34.91 บาท

อ้างอิง:

Fast Fashion News, L’OFFICIEL USA ,Patek Philippe