เพลงทำหน้าที่เสมือน “เพื่อนคนหนึ่ง” คนไทยยังชอบฟังเพลงไทย ยอมจ่ายค่า Subscription แม้พุ่ง 2 เท่า

เสียงเพลงที่คุ้นหู เมโลดี้คุ้นเคย การฮัมตามจังหวะดนตรี เคล้าคลอไปกับท่วงทำนองที่บรรเลง คงเป็นความรู้สึกที่ใครหลาย ๆ คนโปรด นั่นก็เพราะ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน “เพลง” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ชโลมจิตใจของคนเราได้เป็นอย่างดี

และด้วยเพราะ “เพลง” เปรียบเสมือน “เพื่อนคนหนึ่ง” ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหน จะทำอะไรก็จะมีเขาคอยอยู่เคียงข้างเสมอ แล้วคุณล่ะชอบฟังเพลงแนวไหน?

เพราะถ้าหากพูดถึงเพลง แน่นอนว่าคงจะมีตั้งแต่เพลงไทย เพลงเกาหลี เพลงสากล ที่แต่ละกลุ่มก็มีแฟนคลับที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้เรากำลังจะพูดถึง "เพลงไทย" ที่อยู่มาหลายยุค หลายสมัย จนปัจจุบันเรียกได้ว่ามีฐานแฟนคลับทั่วโลก ไม่ว่าใครต่างก็คงต้องรู้จักเพลงไทยสักเพลงเป็นแน่...

“อุตสาหกรรมเพลงไทย” โตแรงกว่า 16% เข้าสู่ยุคทองแบบก้าวกระโดด

“อุตสาหกรรมเพลงไทย” ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามากที่สุดของประเทศ เพราะไทยมีศิลปินที่พร้อมเติบโตเป็น Super Star มากหน้าหลายตา ตั้งแต่ยุคเทป ซีดี, Winamp จนมาถึงสตรีมมิ่งที่คนฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเข้าสู่ยุคทองของการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากพลังแห่งโลกดิจิทัลที่ทำให้ดนตรีไทยทะยานสู่ระดับโลก พร้อมโกยรายได้มหาศาล โดยปี 2023 ตลาดเพลงไทยขยายตัว 16% เทียบกับปี 2022 แรงขับเคลื่อนหลักมาจาก Digital Streaming คิดเป็น 88% ของการเติบโตทั้งหมด

การเติบโตของ Streaming Platform ตัวจุดชนวนสำคัญ

แน่นอนว่าในยุคสมัยนี้ เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว หลายคนก็สามารถเข้าถึงบทเพลงที่ตัวเองชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย โดยแพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์เข้าถึงผู้คนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ดนตรีไทยจึงเข้าถึงหูคนฟังทั่วโลกได้ในพริบตาเดียว โดยปี 2023 Streaming Users มีอยู่ที่ 3 ล้านคน ซึ่งเติบโต 26% จากปี 2022

และการเติบโตของ digital streaming ทำให้การคาดการณ์ของมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกของปี 2023-2030 โตได้ถึง 3 เท่า ด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมจ่ายเพื่อ "ประสบการณ์ดนตรี"

ทั้งนี้ การเติบโตของยอด Subscription ของ YouTube ในประเทศไทย ที่มาจากการที่ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมจ่ายเพื่อ "ประสบการณ์ดนตรี" ที่เหนือกว่าระดับ เป็นประสบการณ์ฟังเพลงแบบ Premium มอบความสะดวกสบาย คุณภาพเสียงที่ดีกว่ารวมถึงการได้สิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย

โดยพบว่าราคาค่าสมาชิก Subscription สูงขึ้นถึง 2 เท่าจาก 99 บาท เป็น 179 บาท และมีโอกาสเติบโตขึ้นต่อได้อีก 3 เท่า หากอ้างอิงตาม Developed Market ประเทศไทยยังคงมีช่องว่างที่ให้ขยายโอกาสเติบโตให้กับอุตสาหกรรมอีกมาก

ยอด Subscription ของประเทศไทย จะเติบโตสูงถึง 4 เท่าใน 7 ปี

ขณะเดียวกันจากการคาดการณ์ของ Midia ยอด Subscription ของประเทศไทยจะเติบโตสูงถึง 4 เท่าใน 7 ปี (2023-2030) จาก 3.2% ไปเป็น 11% และยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น Spotify, Apple Music, YouTube Music, JOOX ฯลฯ

เมื่อเทียบกับประเทศ emerging country อย่างญี่ปุ่นและเกาหลี ที่มียอด subscription penetration อยู่ที่ 25% และ developed country อย่าง Sweden และ United States ที่มียอด subscription penetration อยู่ที่ 45%

คนไทยฟังเพลงมากกว่าเล่นโซเชียลมีเดีย 

พลังแห่ง Evergreen Content ที่สร้างรายได้ไม่รู้จบ! ฟังซ้ำ ดูซ้ำ ไม่มีเบื่อ เพลงฮิตสร้างรายได้ข้ามยุคสมัย กลายเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมเพลงไทยมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นก็เพราะพฤติกรรมการใช้เวลากับกิจกรรมด้านความบันเทิงของคนไทยมีมากอย่างน่าเหลือเชื่อ

จากการศึกษาของ Luminate Music Consumption Study พบว่าในปี 2023 การฟังเพลงเป็นกิจกรรมความบันเทิงที่คนไทยนิยมสูงสุดถึง 75% สอง คือ การเสพคลิปสั้นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ 60% สาม คือการเล่นโซเชียลมีเดีย และสี่ คือ ดูคลิปทำอาหารซึ่งครองอันดับร่วมกันที่ 56%

“เพลง” Evergreen Content ที่ไม่มีวันตาย

แสดงให้เห็นว่าการฟังเพลงคือสิ่งที่คนไทยชื่นชอบและเป็นสื่อที่มีโอกาสในการสร้างรายได้จากคนไทยได้มากที่สุด เพราะพฤติกรรมการฟังเพลงของคนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ "เพลง" ในฐานะ Evergreen Content ที่ไม่มีวันตาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ เพลงเก่า เพลงไทย ล้วนมีเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คน "ฟังซ้ำ" และ "ดูซ้ำ" ได้อย่างไม่มีเบื่อ ตั้งแต่ร็อค ป็อป ฮิปฮอป ไปจนถึงอินดี้ ล้วนได้รับความนิยมจากทุกกลุ่ม

ยกตัวอย่างเพลงฮิตที่ ‘ดังข้ามยุคสมัย’ ระดับโลกอย่างเช่น The Beatles, Mariah Carey, Michael Jackson หรือแม้กระทั่ง Bruno mars ศิลปินระดับตำนานที่เพลงฮิตของพวกเขายังคงได้รับความนิยม และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ส่วนไทยคงหนีไม่พ้น พี่เบิร์ดธงไชย, Bodyslam, ปาล์มมี่, Cocktail, อะตอม, Three man down, BUS เพลงของพวกเขา เป็นที่จดจำ และร้องตามได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แถมยังมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก

คนไทยชอบดูมิวสิควิดีโอมากที่สุดเป็นอันดับถึง 87%

ยิ่งไปกว่านั้น หากเจาะลึกไปที่พฤติกรรมการฟังเพลงแล้ว พบว่าคนไทยชื่นชอบการรับชม MV (มิวสิควิดีโอ) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 87% แซงหน้าการฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ซึ่งคว้าลำดับสองที่ 68% ตามด้วยการรับชมคลิป MV สั้นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อาทิ TikTok, FB/IG Reels หรือ Shorts ของ YouTube ที่ 61%

นอกจากนั้นยังมีการฟังเพลงผ่านวิทยุ และการฟังเพลงผ่านแผ่นซีดีที่หลายคนคิดว่าตายไปแล้ว กลับคว้าอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ จึงจะเห็นได้ว่าแล้วยิ่งโซเชียลมีเดียก้าวหน้ามากเท่าไหร่ การฟังเพลงเองก็เติบโตสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงเพลงที่กว้างขวางมากขึ้น

อาจกล่าวได้ว่า “โลกดิจิทัล” เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงดนตรีได้ง่าย และสะดวกกว่าที่เคย สร้าง "ฐานผู้ฟัง" ที่ใหญ่ขึ้น และกระจายตัวไปทั่วโลก ทำให้อีกมุมหนึ่ง “ศิลปิน” ก็สามารถเข้าถึงแฟนเพลงได้ง่ายขึ้นดันมิวสิกเฟสติวัลโตอย่างก้าวกระโดด คนยอมจ่ายค่าบัตรคอนเสิร์ตแม้ค่าครองชีพในทุกวันนี้จะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม สวนทางรายได้ ทำให้สามารถสร้าง Engagement และโอกาสทางธุรกิจที่ไม่สิ้นสุด

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ธุรกิจเพลง” ไม่ใช่ “Sunset” แต่เป็น “Sunrise”
ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง "เปลี่ยนมุมมอง" และมองเห็น "ศักยภาพ" ที่แท้จริงของธุรกิจเพลงในยุคดิจิทัล พร้อมกับหันมาเสพ “เพลงไทย” กันให้มากขึ้น

ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการตลาดของ Thairath Money ได้ที่นี่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney