นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2567 ว่า กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล และประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ได้จัดงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2567 ขึ้น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ภายใต้แนวคิด ทุนหมุนเวียน สร้างโอกาสความเสมอภาค ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยได้รับเกียรติจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัล
ทั้งนี้การตัดสินรางวัลดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการตัดสินรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ โดยกำหนดประเภทรางวัล จำนวนรางวัล และกรอบหลักเกณฑ์การตัดสินรางวัล ประจำปี 2567 จากการพิจารณาผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 5 ประเภทรางวัล
รวมถึงทุนหมุนเวียนที่เข้ารับการประเมินผลการดำเนินงานจากกรมบัญชีกลาง จำนวน 98 ทุนหมุนเวียน และมีทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 9 รางวัล จาก 6 ทุนหมุนเวียน ดังนี้
1. รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น จำนวน 3 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ กองทุนสิ่งแวดล้อม, เงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน และ เงินทุนหมุนเวียนโรงงานเภสัชกรรมทหาร
2. รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น จำนวน 3 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกลของกรมทางหลวง, เงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน และกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
3. รางวัลการพัฒนาดีเด่น จำนวน 2 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
4. รางวัลผู้บริหารทุนหมุนเวียนดีเด่น จำนวน 1 ทุนหมุนเวียน ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน
นางแพตริเซีย ทิ้งท้ายว่า การมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทุนหมุนเวียนที่มีผลการปฏิบัติงานโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ตลอดจนสร้างแรงจูงใจให้มีการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทุนหมุนเวียนในฐานะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อสร้างโอกาสความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม พัฒนาให้ประเทศก้าวหน้า
กลุ่มมิตรผล ผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร และผู้ผลิตน้ำตาลอันดับหนึ่งของประเทศ ปลุกกระแสการสื่อสารรณรงค์ตัดอ้อยสดในช่วงฤดูหีบอ้อย 2567/2568 ด้วยแคมเปญการสื่อสาร นะโม ตัดสด เน้นกระตุ้นให้เกษตรกรหันมาตัดอ้อยสด พร้อมเจาะลึกถึงประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ชูจุดเด่นสร้างรายได้ พลังงานทดแทนจากใบอ้อย และสิ่งแวดล้อมที่ดี พร้อมตอกย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านการทำเกษตรสมัยใหม่เพื่อความยั่งยืน
โดยแคมเปญดังกล่าว ใช้กลยุทธ์การสื่อสารเชิงรุกที่มุ่งให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการตัดอ้อยสด ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่ ผ่านการนำเสนอคาถารักษ์โลก นะโม ตัดสด ท่องก่อนตัด เพื่อเรา เพื่อไร่ เพื่อโลก ที่จดจำง่ายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด พร้อมเชิญชวนให้เกษตรกรนำใบอ้อยที่เหลือจากการตัดอ้อยสดมาขาย
รวมถึงการนำใบอ้อยบางส่วนไปใช้คลุมดินเพื่อเป็นปุ๋ยอินทรีย์และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินตามธรรมชาติ โดยกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ริเริ่มการรับซื้อใบอ้อยมานานกว่า 7 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรแล้ว ยังช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้นจากการลดการเผาในภาคเกษตร และนำใบอ้อยที่รับซื้อจากเกษตรกรมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนจากภาคเกษตรของไทย
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิต คัดสรรผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันเด่น เข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพฯ ส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 Money Expo Year End 2024 ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2567 ณ Exhibition Hall 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมด้วยกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มมากมาย
โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิสิทธิ์ พัฒนะนุกิจ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo พร้อมด้วยผู้บริหาร ตัวแทนนักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมในพิธีเปิดบูธเมืองไทยประกันชีวิต