“มือก็มีแค่สองมือ” แต่ทำไมคนเราต้องมีนาฬิกามากกว่า 1 เรือน กลายเป็นคำถามที่ชวนให้คิดตามเสียจริง เพราะถ้าหากไม่ได้ซื้อไว้เพื่อสวมใส่ คงจะเป็นการซื้อเพื่อลงทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแน่นอน
และหากนึกถึงนาฬิกาสักเรือน คงจะมีชื่อของ “G-SHOCK” อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน เนื่องจากมีจุดเด่นเรื่องความทนทาน ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ในระดับราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าใครก็ต้องมีติดบ้านไว้สักเรือนสองเรือน
ซึ่งตลาดในประเทศไทย CASIO G-SHOCK ถูกนำเข้าโดย Central Marketing Group ภายใต้ Central Retail Corporation
จิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด เผยว่า ตลาดนาฬิกาในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง แนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้แต่ละแบรนด์เดินหน้าลอนช์โปรดักต์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ ซึ่งข้อมูลจาก Euro Monitor 2024 ระบุว่า มูลค่าตลาดนาฬิกาในไทย traditional & connected watches ปี 2566 อยู่ที่ 23,185 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม G-SHOCK ยังคงเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในตลาดไทย เพราะจุดเด่นด้านความทนทานต่อแรงกระแทกและการใช้งานหนัก การออกแบบหลากหลาย มีหลายรุ่นหลากราคาให้เลือกตั้งแต่ราคาย่อมเยาจนถึงรุ่นพรีเมียม ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลายกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มองหานาฬิกาแฟชั่นที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน ทำให้ G-SHOCK ยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในตลาดนาฬิกาเมืองไทย
“ภาพรวมตลาดนาฬิกาในไทยมีแนวโน้มสดใส ส่วนใหญ่การเติบโตจะอยู่ที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกเหนือจากญี่ปุ่น ไทยถือว่ามียอดขายเติบโตที่สุด เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามีความหลากหลาย แต่งตัวเก่ง ชอบเทคโนโลยี ชื่นชมศิลปะ และยังเป็นกลุ่มที่เล่นกีฬา Casio G-Shock จึงเป็นแบรนด์ที่ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของ CMG”
จิตรฤดี กล่าวต่อไปว่า คนไทยจำนวนมากซื้อนาฬิกาเพื่อสะสม โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ด ที่มีราคาประมาณ 100,000-300,000 บาท ซึ่งทาง CMG ได้มีการนำเข้ามาประมาณ 20-30 เรือน รวมทั้งเทรนด์ส่วนใหญ่จะนิยมซื้อนาฬิกาประเภท “เหล็ก” ที่มีความคงทน ปนกลิ่นอายความวินเทจ แต่กระนั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังนิยมเลือกซื้อนาฬิกาเรซิ่น ที่มีราคาประมาณ 5,000-7,000 บาท ด้วยเช่นกัน โดยจะซื้อนาฬิกาใหม่ปีละ 1-2 ครั้ง
ทำให้แผนการตลาด G-SHOCK ในช่วงปลายปีถึงปี 2568 จะเน้นใช้ Brand Ambassador ที่มี DNA สอดคล้องกับแบรนด์มาช่วยตอกย้ำจุดเด่นและถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นการทำการตลาดผ่าน FAMS (FASHION, ART, MUSIC, SPORT) เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจในกิจกรรมกีฬาและความทนทานของนาฬิกา รวมถึงการพัฒนานาฬิกาใหม่ที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
ด้วยชื่อเสียงของ G-SHOCK ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งที่ไร้ขีดจำกัดและผู้คนทั่วโลกยอมรับมายาวนานกว่า 43 ปี ประกอบกับประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักของ G-SHOCK ในภูมิภาคเอเชีย จึงทำให้เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าเจาะกลุ่มตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
จิตรฤดี กล่าวต่อไปว่า กลุ่มคนรักกีฬาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น จึงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ รวมถึงความทนทานและดีไซน์ที่มีสไตล์ ซึ่งเป็นจุดเด่นของ G-SHOC
ในครั้งนี้จึงได้มีการเปิดตัว “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ยอดมวยชาวไทยแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งเฟเธอร์เวตเฉพาะกาล ในฐานะ Brand Ambassador นาฬิกา G-STEEL GM-2110D Metal Series ซึ่งตรงกับจุดเด่นของนาฬิกา G-SHOCK ที่มีความทนทานและพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ผ่านแคมเปญใหม่ “TOUGH LIKE YOU” สำหรับนาฬิกาไอคอนิกรุ่น G-STEEL GM-2110D Metal Series เป็นรุ่นที่ลงตัวระหว่างไลฟ์สไตล์แฟชั่นและความแกร่งตามแบบฉบับของ G-SHOCK ตัวเรือนเป็นโลหะที่มีดีไซน์หรูหราและแข็งแรงทนทาน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรสนับสนุนการแข่งขันของ ONE Championship เวทีมวยระดับโลกอีกด้วย โดยในไตรมาสสุดท้ายนี้คาดว่าจะเห็นผลจากแคมเปญและการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปีหน้า บริษัทวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดผ่านแคมเปญต่างๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์กับแบรนด์ G-SHOCK ให้ชัดเจนและเป็นที่จดจำ
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney