ฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ ความสูญเสีย-ความใฝ่รู้-สู้ชีวิต คือคัมภีร์สู่ความสำเร็จของธุรกิจไอศกรีมผลไม้

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ ความสูญเสีย-ความใฝ่รู้-สู้ชีวิต คือคัมภีร์สู่ความสำเร็จของธุรกิจไอศกรีมผลไม้

Date Time: 5 ต.ค. 2567 04:30 น.

Summary

  • จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิต “คุณเก่ง” ฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ ต้องพลิกผันจากพนักงานออฟฟิศมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เกิดจากความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต เมื่อปี 2554 ที่เขาต้องเสียลูกสาวตัวน้อยวัย 5 ขวบ ไปต่อหน้าต่อตาจากอุบัติเหตุ

Latest

อัปเดต 5 กลยุทธ์ขายของ พิชิตใจคน Gen Z อยากรักษ์โลก แต่ของมันต้องมี แบรนด์รับมืออย่างไร?

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิต “คุณเก่ง” ฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ ต้องพลิกผันจากพนักงานออฟฟิศมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เกิดจากความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต เมื่อปี 2554 ที่เขาต้องเสียลูกสาวตัวน้อยวัย 5 ขวบ ไปต่อหน้าต่อตาจากอุบัติเหตุ หลังพาภรรยา ลูกชาย และลูกสาว 4 ชีวิต หนีน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯไปพักผ่อน ที่จังหวัดเพชรบุรี

ทำให้ “คุณเก่ง” และภรรยา ต้องออกไปหากิจกรรมนอกบ้านทำในวันหยุดทุกเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้หลุดพ้นจากความเศร้า เพราะไม่สามารถทำใจกับความสูญเสียครั้งนี้ได้ จนนำไปสู่การไปเข้าคลาสเรียนทำขนมโมจิไส้ไอศกรีมนอกจากนั้น ยังมองว่าโมจิไอศกรีมถือเป็นสินค้าตลาดบน แต่ยังไม่มีคนจับตลาดระดับกลางและล่างลงมา หากทำได้ น่าจะขายดี จึงเริ่มจากทำขายเพื่อน ขายตลาดนัด จนมีแม่ค้ามารับไปขายต่อที่ตลาดอื่นๆ และหันมาทำตลาด สร้างแบรนด์ เพื่อเปิดขายแฟรนไชส์ ส่งสินค้าไปทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “โมจิราโต้” เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

จากที่เริ่มขาย “โมจิราโต้” ในปี 2555 เป็นที่รู้จักปี 2556 ขายแฟรนไชส์ครบ 100 สาขา ระหว่างปี 2559-2560 และเพิ่มเป็น 300 สาขา ในปี 2561 แถมยังได้ส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้คุณเก่งต้องตัดสินใจโบกมือลางานประจำ หันมาโฟกัสธุรกิจอย่างเต็มที่ “ผมตั้งเป้ารายได้และยอดขายไว้ในใจ ถ้าทำไม่ถึงก็จะต้องทำงานประจำต่อไป เพราะไม่อยากพึ่งพารายได้ทางเดียว ตลอด 10 ปี ที่ทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัทที่ตามเก็บหนี้ให้สถาบันการเงินและหนี้เสียที่ซื้อมาบริหารหนี้เองนั้น ผมทำผลงานได้เป็นที่ 1 ตลอด ไม่เคยเป็นที่ 2 เลยแม้แต่วันเดียว ทำให้มีรายได้ดีมาก ทั้งเงินเดือนและรางวัลจากค่าคอมมิชชัน”

“ถ้าจะออกมาเป็นเจ้าของกิจการที่ดี ต้องทำงานในองค์กรให้เป็นที่ 1 ให้ได้ก่อน ถ้าเก่งในองค์กรไม่ได้ อย่าคิดออกไปข้างนอก เพราะอุปสรรคและความเสี่ยงโหดร้ายกว่าการเป็นพนักงานประจำมากนัก”

ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ในปี 2561 เขาพบข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในจีน เริ่มจากข่าวเล็กๆ แต่สะกิดใจจนทำให้เริ่มคิดทางหนีทีไล่เอาไว้ เพราะหากระบาดในไทย หรือนักท่องเที่ยวมาไม่ได้ ร้านโมจิทั้ง 300 สาขา ที่ทั้งหมดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวจะอยู่ได้อย่างไร

ช่วงเดียวกันยังได้เห็นข่าวชาวไร่สับปะรดที่เพชรบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่สูญเสียลูกสาวไป นำสับปะรดที่ราคาตกต่ำมาเททิ้งประท้วงรัฐบาล จึงคิดนำมาต่อยอด เพราะไม่เชื่อว่าสับปะรดไทยจะไร้ค่า ไม่มีราคา จึงเอามาทำเป็นไอศกรีมใส่ในผลสับปะรดอีกที หลังลองผิดลองถูก และฝากตัวอย่างไอศกรีมสับปะรด 10 ลูก ไปวางขายในบูธเพื่อนที่ไปออกงาน THAIFEX งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของไทยที่จัดขึ้นทุกปี โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ปรากฏได้คำสั่งซื้อจากเกาหลีใต้ 5 ตู้คอนเทนเนอร์หรือ 125,000 ลูก!! “คุณเก่ง” บอกว่าตอนนั้นโรงงานก็ยังไม่มี เพราะทดลองทำกันในบ้าน ส่งออกก็ยังไม่เป็น ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ แต่เราจะไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือไป เพราะโอกาสไม่ได้มาเคาะหน้าบ้านทุกวัน จึงตัดสินใจร่วมหุ้นกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงงานไอศกรีมคนละ 2.5 ล้านบาท สร้างโรงงานเล็กๆ หลังโรงงานโมจิ ปรากฏว่า 4 ตู้แรก สินค้าไม่ผ่านมาตรฐาน โดนตีกลับหมด เสียหายรวม 8 ล้าน เงินหมด!! แถมหนี้สินรุงรัง ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิต เพราะทำให้ครอบครัวต้องกลับมาลำบาก!!

“ตอนนั้นหลังชนฝาแล้ว ยังมีโอกาสผลิตสินค้าส่งอีก 1 ตู้เท่านั้นหยุดไม่ได้ เต็มที่แค่ตาย จึงเดินหน้าแก้ปัญหาโดยหาความรู้ด้วยตัวเองใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ปิดจุดอ่อนที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด ในที่สุดสินค้าตู้สุดท้ายก็ผ่านมาตรฐานนำเข้าเกาหลีได้ หลังจากนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องคราวละ 10-20 ตู้ จนปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาเกินกำลังการผลิต”

จนปัจจุบันธุรกิจไอศกรีมผลไม้ไทยในนามบริษัทแม็กฟู๊ด กรุ๊ป ทำยอดขายปี 2566 ที่ 350 ล้านบาท จากที่ได้ออเดอร์ช่วงปลายปี 2561 ตั้งบริษัทส่งออกในปี 2562 พอต้นปี 2563 จนปี 2564 ได้ยอดขาย 100 ล้านบาท ส่วนปี 2565 ตั้งเป้าขาย 250 ล้าน จบปีทะลุเป้าได้มา 300 ล้านนิดๆ และมีปัญหากำลังผลิตไม่พอ สับปะรดขาดตลาด แม้จะรับซื้อในราคาสูงผลละ 15-16 บาท จึงตัดสินใจลงทุนปลูกสับปะรดที่เชียงราย 1,000 ไร่ เพื่อป้อนโรงงานโดยเฉพาะ

และยังได้ลงทุนสร้างโรงงานใหม่โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ทุกขั้นตอน ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องเป็นทางการเดือน ต.ค.2567 เพิ่มกำลังผลิตจากเดิมปีละ 350 ตู้ เป็น 800 ตู้ ลดระยะเวลาลงจากเดิมไอศกรีม 1 ลูก ต้องใช้เวลาผลิต 4 วัน เป็น 12 นาที ลดต้นทุนแรงงานและประหยัดค่าไฟได้มหาศาล เพราะเปลี่ยนมาแช่แข็งด้วยแรงดันก๊าซคาร์บอน IQF ที่มีอุณหภูมิติดลบ 70 องศา สามารถควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและกระบวนการผลิตได้ครบวงจร ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดีขึ้น มีอายุยาวนานขึ้น

นอกจากนี้ยังสามารถนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่เหลือจากการแช่แข็ง มาทำสปาร์กกิ้งน้ำสับปะรดใส่ขวด เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ขายได้อีก เรียกว่าไม่มีของเสียที่เป็นส่วนเหลือทิ้ง มาทำลายสิ่งแวดล้อมได้เลย ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อมและธุรกิจในระยะยาว

โดยนอกจากสับปะรดที่ยืน 1 เป็น Product Hero แล้ว ยังมีไอศกรีมผลไม้รสชาติอื่น เช่น เสาวรส แก้วมังกร แตงโม มะพร้าว ส่งออกไปทั่วโลก ตั้งแต่เกาหลีใต้ เยอรมนี ออสเตรเลียและฝรั่งเศส

“คุณเก่ง” บอกถึงที่มาของความสำเร็จในวันนี้ว่า นอกจากความขยัน อดทน ดวง และการไล่ล่าหาโอกาสแล้ว ต้องมีความรู้ในสิ่งที่ทำอยู่อย่างลึกซึ้งด้วย เพราะความสามารถ ความขยัน อดทน อาจทำให้สำเร็จและร่ำรวยได้ แต่ความสำเร็จนั้นจะไม่ยั่งยืน ถ้าไม่มีความรู้จริงๆ ทุกวันนี้เขาจึงขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา เพราะเมื่อมีปัญหา ความรู้เท่านั้นที่ช่วยได้ ที่สำคัญต้องไม่ท้อและกล้าเผชิญหน้ากับมัน

เขาปิดท้ายว่า เขาได้ความขยันอดทนและความเป็นนักสู้มาจากแม่ ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหาเงินเลี้ยงลูกหลายคนตามลำพัง ทำให้เขาได้ช่วยแม่ทำงานหาเงิน เป็นเมสเซนเจอร์ วิ่งรับส่งเอกสาร บ่ายรับงานแจกใบปลิวแผ่นพับ ตกเย็นขับวินมอเตอร์ไซค์ ตกค่ำจึงไปเรียนหนังสือที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยจันทรเกษม

“ผมเสพติดการทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตผมไม่ได้อะไรมาง่ายๆ การใฝ่หาความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้ได้”.

เลดี้แจน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ