“หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพร กับยอดขาย 350 ล้าน เคยผ่านวิกฤติหนัก แต่วันนี้ดังไกลไปถึง โอลิมปิก 2024

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพร กับยอดขาย 350 ล้าน เคยผ่านวิกฤติหนัก แต่วันนี้ดังไกลไปถึง โอลิมปิก 2024

Date Time: 8 ส.ค. 2567 15:52 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • รู้จัก “หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพรไทย อาวุธข้างกายของ “เจ้าฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย” นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย รุ่น 61 กิโลกรัม ที่ผงาดคว้าเหรียญเงินด้วยน้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม ที่บริษัทฯ เคยผ่านวิกฤติหนัก แต่วันนี้ดังไกลไปถึง โอลิมปิก 2024

Latest


ดมหงส์ไทยแล้วทรงพลัง! กลายเป็นที่ฮือฮาหลัง “เจ้าฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย” นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย รุ่น 61 กิโลกรัม ผงาดคว้าเหรียญเงิน ด้วยน้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม กับการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิต โดยมีมที่มีการแชร์จนเป็นไวรัลนั่นคือ ในระหว่างการแข่งขัน ก่อนที่ "เจ้าฟ่าง" กำลังรอคิวขึ้นไปยกน้ำหนักนั้น ตากล้องประจำการแข่งขันก็ได้จับภาพเจ้าตัวกำลังสูดยาดมทรงกระบอกสีเขียว ที่โค้ชเปิดฝารอเอาไว้ เพื่อเพิ่มพลังและความสดชื่น 

ซึ่งยาดมยี่ห้อนี้ หากเอ่ยชื่อไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก เนื่องจากเลื่องลือในหมู่คนไทย และนักท่องเที่ยวว่าหอมชื่นใจ และช่วยให้ผ่อนคลายได้จริงๆ ขนาดศิลปินดังระดับโลกอย่าง ลิซ่า รวมไปถึงนักแสดงระดับ Hollywood คริส เฮมส์เวิร์ธ ยังติดอกติดใจ ทำให้ไม่ว่าใครมาเยือนเป็นต้องหิ้วกลับไปเป็นของฝากแทบทุกราย

เคยถึงขั้นที่ว่าสำนักงานใหญ่ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ขออภัยลูกค้าทุกท่าน เนื่องจากกระแสตอบรับของ "ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2" (หลอดสองด้าน) มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จึงทำให้สินค้าตอนนี้หมดสต๊อก ขออภัยลูกค้าทุกท่านในความไม่สะดวก ณ ที่นี้ด้วย” กันมาแล้วก็มี

เสน่ห์ความเป็นไทยใครๆ ก็หลงรัก 

และยาดมสมุนไพรในที่นี้ก็คือ “หงส์ไทย” เอสเอ็มอีดาวเด่น สัญชาติไทย ที่บางคนใช้จนฉลากเลือน สมุนไพรข้างในกระปุกร่อยหรอ แต่ก็ยังคงกลิ่นความหอมอยู่ดี

ซึ่งในปี 2566 สร้างยอดขายได้กว่า 350 ล้านบาท โดยมีวางจำหน่ายเกือบทุกร้านเลยก็ว่าได้ทั้ง เซเว่น อีเลฟเว่น, ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งร้านของฝากย่านช็อปปิ้งของชาวต่างชาติก็มี 

แต่รู้หรือไม่ว่า? กว่าที่ “หงส์ไทย” จะมายืนตรงจุดนี้ได้ต้องเผชิญกับวิกฤติและบททดสอบมากมายมาตลอดระยะเวลา 18 ปี โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของหงส์ไทยที่นำมาสู่ความแข็งแกร่งในปัจจุบัน 

เก่ง-ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้เล่าย้อนความให้ฟังว่า กลิ่นสมุนไพรที่คิดค้นผ่านการพัฒนาสูตรมามากกว่า 30 ครั้ง จนได้สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม สดชื่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยที่ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา หงส์ไทยประสบวิกฤติหนักๆ อยู่ 3 วิกฤติ คือ

วิกฤติด้านการบริหารคน

ในช่วง 8 ปีแรกของการทำธุรกิจ องค์กรต้องเผชิญกับปัญหาพนักงานออกแบบรายวัน เนื่องจากคนในองค์กรมีการปลุกปั่นพนักงาน สร้างความเข้าใจผิดในตัวผู้บริหาร ตัวองค์กร สิ่งที่ธีระพงศ์พยายามทำ คือ ยึดหลักไม่เอาชนะความคิดที่ผิดด้วยการตอบโต้แบบไร้เหตุผล แต่เอาความจริงชนะความคิดที่ผิด 

โดยใช้หลักเหตุและผลในการบริหารและพูดคุยกับพนักงาน ปรับทัศนคติ คิดแบบเชิงบวก ใช้เวลาในการพิสูจน์ แก้ปัญหาตามความเป็นจริง พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การบริหารคน แบบ “เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา” ด้วยการสร้างความเข้าใจในตัวพนักงาน ให้เขาเกิดความรู้สึกว่าองค์กรเข้าใจเขา เมื่อองค์กรเข้าใจพนักงาน สิ่งที่ได้กลับสู่องค์กรก็คือ พนักงานเข้าใจในตัวองค์กรและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้ากับองค์กรในทุกๆ ย่างก้าว

ทำให้ในวันนี้บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องบุคลากรไหลออก หรือเข้าใจผิดในตัวองค์กรอีกเลย ส่งผลให้หงส์ไทยมีพนักงานเก่าที่อยู่กับหงส์ไทยมากกว่า 10 ปี ถึงกว่า 200 คน จากพนักงานทั้งหมดที่มีในปัจจุบันราว 500 คน

วิกฤติต้นทุนพุ่ง 

ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทประสบปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูงนานกว่า 30 เดือน จากปกติราคา 1,300 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 2,000 บาทต่อกิโลกรัม แต่ยังต้องทำต่อไป คิดเพียงแค่ว่าวันนี้ยอมขาดทุน อนาคตเดี๋ยวก็ได้กำไร ต้องยอมนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปหมุนเป็นเงินสด เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจ พอเริ่มที่จะปรับตัวได้ก็ต้องเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดขายหายกว่า 85% บริษัทใช้กลยุทธ์ทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน ทำแบบนี้อยู่ 2 เดือน โดยมีนโยบายไม่มีการปลดพนักงานเลย ในช่วง 2 เดือนแรกจ่ายค่าจ้าง 50% เดือนที่ 3-4 จ่าย 80% เดือนที่ 5 กลับมาจ่าย 100% และมีการชดเชยแบบให้เปล่านาน 2 เดือน ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะปกติ”

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า การบริหารจัดการแบบมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติที่จำเป็นต้องมีเงินสดสำรองให้มากพอ กระทั่งในวันนี้ หงส์ไทย ก็ยังคงบริหารจัดการแบบเงินสดหมุนเวียน ไม่มีการยื่นขอสินเชื่อเลยแม้แต่น้อย 

วิกฤติพนักงานขายไร้มาตรฐาน

พนักงานขายถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับบริษัท แต่ในอดีตบริษัทประสบปัญหาเรื่องความเข้าใจไม่ตรงกันของพนักงาน ที่เกิดจากแนวคิดและวิธีการทำการตลาดที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้วิธีเปรียบเทียบสินค้ากับสินค้าของบริษัทอื่นในตลาด กล่าวอ้างว่าสินค้าของบริษัทดีกว่าอย่างไร 

ซึ่งในความเป็นจริงพนักงานขายของบริษัทจะต้องทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพราะตัวสินค้าของบริษัทดีจริงๆ ไม่ใช่เพราะการเปรียบเทียบกับใคร ลูกค้าเจ้าไหนสั่งน้อยก็ไม่อยากส่งให้ ทำให้ในช่วงแรกๆ บริษัทไม่สามารถสร้างยอดขาย หรือขยายตลาดได้อย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาดที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก  

บริษัทจึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับพนักงานขาย โดยพนักงานของบริษัทจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมุ่งหวังแต่จะสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว จนลืมจรรยาบรรณในการค้าขาย บริษัทไม่จำเป็นต้องเหยียบผู้ค้าคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เพราะวิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อนำมาสู่ความเชื่อใจในตัวสินค้าและองค์กรในอนาคต

ยาดมสมุนไพรไทย “อาวุธข้างกาย” ที่ดังไกลไปถึงโอลิมปิก 2024

ซึ่งที่ผ่านมา หงส์ไทย ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการยาใช้ภายนอก ผ่านการเข้ามาจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ส่งผลให้ยอดขายและชื่อของ “หงส์ไทย” เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงได้จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 1 ไร่ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว จากปัจจุบันมียอดผลิตอยู่ที่ประมาณ 50,000 ขวดต่อวัน พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2567 ไว้ที่ 500 ล้านบาท

และล่าสุด บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ก็ได้โพสต์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า “หงส์ไทย ขอแสดงความยินดี กับการชิงคว้าชัยของ ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย เหรียญเงิน ยกน้ำหนักรุ่น 61 กิโลกรัม ชาย กีฬาโอลิมปิก 2024 หงส์ไทยดีใจที่ได้เป็นส่วนร่วม เพิ่มกำลังใจสร้างความสดชื่น เป็นอาวุธลับ อยู่คู่นักกีฬาไทย และอยู่เคียงข้างมุ่งสู่ความสำเร็จของคนไทยทุกคน”

จึงถือได้ว่ายาดมสมุนไพรไทยกระปุกเขียวแบรนด์ “หงส์ไทย” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึง เสน่ห์ความเป็นไทย ที่ไม่ได้ฉายภาพออกมาแค่เพียงตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยในเรื่องของมุมมองการทำงานออกมาได้อย่างครบถ้วน สมกับการได้รับการยอมรับให้เป็นอีกหนึ่งพลัง Soft Power ไทย และล่าสุดก็ได้ดังไกลไปถึงเวทีโอลิมปิกปารีส 2024 กับการเป็น “อาวุธข้างกาย” ของนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยอย่าง “เจ้าฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย” ฮีโร่เหรียญเงิน นั่นเอง.

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ