โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เดินหน้ากลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ควบคู่กับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด และมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับอินไซต์ด้านพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มูจิ มีการปรับราคาสินค้าในทุกๆ หมวดหมู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าในประเทศไทยที่ซื้อสินค้า MUJI ซ้ำเป็นประจำ และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ยอดขายมีการเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เราได้นำกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้เพื่อเป็นประตูบานแรกให้คนไทยเปิดรับ และมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้สินค้าคุณภาพ และบริการที่หลากหลาย ในราคาที่คุ้มค่า ตามแบบฉบับของ MUJI
เพื่อพาแบรนด์มูจิเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ต้องการซื้อสินค้า MUJI สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้ราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งปัจจุบันมูจิ ประเทศไทยมีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 5,000 รายการ และยังมีสินค้าคุณภาพสำหรับชีวิตประจำวันที่มีราคาต่ำกว่า 300 บาท กว่า 2,500 รายการ หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของสินค้าทั้งหมด
โดยจากกลยุทธ์ด้านราคาดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าในประเทศไทยที่ซื้อสินค้า MUJI ซ้ำเป็นประจำ และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ยอดขายมีการเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างสูง
“ล่าสุดบริษัทฯ ได้สานต่อกลยุทธ์ทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องอีกครั้งผ่านการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมกว่า 126 รายการ ในราคาที่ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 20% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 29 บาท ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ตามอินไซต์ด้านพฤติกรรมและความต้องการในการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย”
1. กลุ่มรองเท้า และกระเป๋า (รุ่นยอดนิยม) ประกอบไปด้วย รองเท้าผ้าใบ, กระเป๋าเป้สะพายหลัง, กระเป๋าเดินทาง
2. กลุ่มของใช้ในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ ประกอบไปด้วย ผ้าปูโต๊ะ, อุปกรณ์ตากผ้า, โซฟาบีนแบค, หมอนโพลีเอสเตอร์, ผ้านวม, เบาะรองนั่ง, เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งถาด, ชั้นไม้สำหรับวางหนังสือ, ชั้นไม้สำหรับวางรองเท้า, อุปกรณ์เครื่องครัวไม้ยางพารา
3. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
4. กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (MUJI Food) ประกอบไปด้วย น้ำโซดา (Sparkling Water) และ Curry (แกงกะหรี่สำเร็จรูป)
“นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคา MUJI ยังมุ่งเดินหน้ากลยุทธ์ Localization ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับอินไซต์ด้านพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งบริษัทได้เดินหน้าแผนการขยายสาขาใหม่ไปยังทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงคนไทยในทุกๆ พื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งมีการขยายสาขาไปแล้วทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด อาทิ เซ็นทรัล ขอนแก่น ในช่วงเดือนมิถุนายน และเซ็นทรัล อุดรธานี ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้” อกิฮิโร่ กล่าวเสริม
อริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ทำการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เช่น สื่อป้ายโฆษณานอกบ้านทั้งในรูปแบบของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และป้ายโฆษณาในรูปแบบดิจิทัลในจุดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านรายการวิทยุท้องถิ่น หรือรถกระจายเสียง
รวมถึงการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่รู้จักและมีอิทธิพลต่อการสร้างการรับรู้และการตัดสินใจซื้อของคนในแต่ละพื้นที่ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั่วประเทศไทยด้วยทราฟฟิกการเข้าใช้บริการที่มากขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney