เมื่อ "ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง" มาแรงกว่า "แบรนดิ้ง" ความเชื่อ กลายเป็นโอกาส สู่ยุคทองของธุรกิจสายมู

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เมื่อ "ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง" มาแรงกว่า "แบรนดิ้ง" ความเชื่อ กลายเป็นโอกาส สู่ยุคทองของธุรกิจสายมู

Date Time: 16 เม.ย. 2567 07:00 น.

Video

สาเหตุที่ทำให้ Intel อดีตยักษ์ใหญ่ชิปโลก ล้าหลังยุค AI | Digital Frontiers

Summary

  • ความเชื่อ ศรัทธา สาธุ! แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่กับสังคมไทยมาหลายยุคหลายสมัย จนปัจจุบันกลายเป็น "โอกาส" ของธุรกิจสายมูเตลู หรือที่เรียกกันว่า การตลาดความเชื่อ ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

Latest


"ไม่รู้เหรอคนไทยหิวบุญขนาดไหน?" ถ้าคุณอ่านประโยคนี้จบแล้ว ก็พอจะเดาเรื่องราวที่เรากำลังจะเอ่ยถึงได้อย่างแน่นอน เพราะนาทีนี้คงไม่มีใคร ไม่รู้จักซีรีส์ไทยที่ "กล้า" หยิบยกประเด็นสังคมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มาทำให้เกิดกระแส "ร้อนแรง" ที่สุดได้เท่ากับ "สาธุ" ของ Netflix อีกแล้ว 

เปลี่ยนศรัทธาเป็นความล่ำซำ

ซึ่ง "สาธุ" นับเป็นซีรีส์ตีแผ่ด้านมืดพุทธพาณิชย์ วงการผ้าเหลือง ศาสนา และศรัทธา เพราะเมื่อมี "เงินตรา" "หนี้" เข้ามาเกี่ยว "ธุรกิจค้าบุญ" จึงบังเกิดขึ้นนั่นเอง แน่นอนว่าเมื่อซีรีส์นี้ถูกฉายออกไปก็เกิดกระแสพูดถึงกันอย่างหนาหูบนโลกโซเชียล อาจจะเพราะว่า "จี้ปม" ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างถูกจุด ด้วยเรื่องราวที่สะท้อนถึงปัญหาและความเสื่อมโทรมของพุทธศาสนาในมุมมองที่แตกต่าง ผ่านการรีแบรนดิ้ง "วัดซอมซ่อ" ให้กลายเป็น "วัดดัง" เพื่อมัดใจสาธุชนให้เกิดศรัทธา และนำมาซึ่งการ "ทุ่มทำบุญ" 

โดยที่ผู้ชมอาจจะต้องใช้วิจารณญาณในการดู เพราะถึงขนาดที่ว่ามีการตั้งคำถามตั้งแต่ต้นเรื่องว่า "ถ้าเรื่องนี้ผิดกฎหมายจริง จับไหวเหรอ?" จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเข้มข้นตลอดทั้ง 9 ตอนชวนน่าติดตามเป็นอย่างมาก ทำให้กด Skip ไม่ได้เลย ไม่แปลกใจที่ซีรีส์เรื่องนี้จะฮิตติดลมบน พร้อมกับทะยานขึ้นอันดับหนึ่งในไทย

ทั้งนี้หากย้อนกลับมาดูในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะพบว่า "Faith Marketing" หรือการใช้ความเชื่อ ศรัทธา มาทำการตลาด ที่ส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นชินกับคำว่า Mu-keting เสียมากกว่า โดยการตลาดแนวนี้ถือได้ว่าเกิดขึ้นในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เพราะด้วยความที่ "ความเชื่อ" กับ "คนไทย" ถือได้ว่าเป็นของคู่กัน ยิ่งในยามข้าวยาก หมากแพง "ที่พึ่งทางใจ" นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เห็นจะมีมูเตลูที่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้กับคน ทำให้ที่ผ่านมามีธุรกิจมูเตลูเกิดขึ้นมากมาย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ 

ล่าสุดจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีนิติบุคคลในธุรกิจความเชื่อความศรัทธา ที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 134 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 135.89 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะใคร ต่างก็สนใจเรื่องมูเตลูกันทั้งสิ้น

พุทธพาณิชย์กับความเชื่อของคน (ไทย)

หากย้อนกลับไปดูในอดีตจะพบว่าความศรัทธาที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ อย่างวัตถุมงคล ล้วนมีทุกยุคทุกสมัย เริ่มจาก "จตุคามรามเทพ" เครื่องรางของขลัง จากแดนใต้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องปัดเป่าภยันตราย นำมาซึ่งโชคลาภ ทำให้ในยุคหนึ่งจตุคามรามเทพมีมูลค่านับหมื่นล้าน 

ต่อมาคือ "ตุ๊กตาลูกเทพ" ที่ครั้งหนึ่งเคยดังทั่วทั้งประเทศ คนดังต่างอุ้มพาไปเสมือนกับลูกคนนึง เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องราง เรียกโชคลาภมาให้กับคนเลี้ยงแล้วนั้น ถึงขนาดที่ว่ามีการปลุกเสกทางคุณไสยนานัปการ จนครั้งหนึ่งราคาพุ่งสูงถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว 

อาณาจักรสายมู การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ

พอเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนที่พึ่งทางใจก็มาในรูปแบบของเครื่องประดับ อาทิ "ไลลา" แบรนด์วัตถุมงคลที่เป็นกระแสโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นการเพิ่มเติมแต่งเป็นกำไลในรูปแบบต่างๆ ที่ผู้สวมใส่สามารถเลือกเองได้ ผ่านการเสริมใส่ตะกรุด พญาต่อ หรือสีผึ้งเข้าไป ของขลังสายเรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา

หรือแม้กระทั่ง วอลเปเปอร์หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มีรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รูปไพ่ ผ้าปูที่นอนสีมงคล เครื่องประดับต่างๆ พระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ หินมงคล หมายเลขโทรศัพท์มงคล น้ำหอมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือจะเป็นการท่องเที่ยวสายมู อย่างทริปทัวร์ไหว้เก้าวัด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตลาดที่อิงกับความเชื่อ และศรัทธาของคนทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ก็ล้วนแต่ให้ความสำคัญกับการตลาดนี้ด้วยเช่นกัน อาทิ กังหันนำโชคของฮ่องกง โอมาโมริ ถุงยันต์ญี่ปุ่น

ดังนั้นหากมองในมุมธุรกิจการจะพลิกสู่กลยุทธ์ได้นั้นอันดับแรกต้อง เข้าใจ insight คนก่อน ว่ากลุ่มคนที่สนใจเรื่องนี้มีเยอะแค่ไหน ควรทำธุรกิจนี้ไหม ที่สำคัญต้องออกแบบโปรดักต์ให้เข้ากับยุคสมัย และล้อไปกับกระแสปัจจุบัน มีเรื่องราวที่น่าสนใจ การหยิบยกตัวอย่าง รวมทั้งจะสื่อสารยังไงให้คนเข้าใจ ซึ่งตรงจุดนี้ต้องระวัง! เพราะการรักษาความน่าเชื่อถือ และความจริงใจต่อลูกค้า เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับแรก

ทั้งหมดจะสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งนี้เป็นการ "สร้างความมั่นใจ ศรัทธา ความเชื่อ" หรือแค่ "กำลังทำให้งมงาย" เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คนจะจำได้คือ "ตัวตน" ของโปรดักต์นั้นๆ มากกว่า "แบรนดิ้ง" เสียอีก 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ