ไปรษณีย์ไทยวิ่งสู้ฟัดหนีตายสำเร็จ! พลิกขาดทุน-ปั๊มกำไร 78 ล้านบาท

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดขนส่งในปีที่ผ่านมาถือว่ายังมีการเติบโตตามอานิสงส์ของการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจากการให้บริการกับตลาดต่างๆ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไปรษณีย์ไทยมีการเติบโตทั้งด้านรายได้และปริมาณชิ้นงานขนส่งที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 66 มีรายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.40% มีกำไร 78.54 ล้านบาท ถือเป็นกำไรปีแรกหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 2 ปีที่ผ่านมา จากปี 64 ขาดทุน 1,600 ล้านบาท ปี 65 ขาดทุน 3,000 ล้านบาท ส่วนปี 67 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 22,802 ล้านบาท กำไรสุทธิ 350 ล้านบาท

นายดนันท์ กล่าวว่า สำหรับโรดแม็ปใน 3 ปี (67-69) ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าเป็น Trusted Sustainable ASEAN Brand ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือแห่งอาเซียน โดยปี 67 ได้ปรับวิสัยทัศน์เป็นส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ Delivering Sustainable Growth through Postal Network พร้อมวาง 10 ความโดดเด่นและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่ การมุ่งเน้นคุณภาพ หลีกเลี่ยงสงครามราคา การปรับภาพจำของแนวทางการดำเนินงานแบบรัฐวิสาหกิจไปสู่เอกชน พร้อมพัฒนา Logistics Company ให้ก้าวสู่ Information Logistics Company ที่นำข้อมูลมาปรับปรุงต่อยอดบริการให้ตรงใจ

รวมทั้งบูรณาการข้อมูลที่มีอยู่ให้ทุกภาคส่วนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน การยกระดับสัมพันธภาพที่ดีให้เป็นความเชื่อมั่น การขยายฟังก์ชันการทำงานของบุรุษไปรษณีย์ หรือ Postman สู่ Post-Gentleman as a service ที่พร้อมให้บริการในหลากหลายด้าน และปรับสนามการแข่งขันให้เป็นความร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดขนส่งโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าตราไปรษณีย์ เช่น กาแฟ ข้าวสาร น้ำดื่ม ภายใต้ยี่ห้อ “ตราไปร” จากการคัดสรรสินค้าคุณภาพดีมานำเสนอให้กับผู้บริโภค และในเร็วๆนี้จะเพิ่มอีกหลายรายการสินค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าและขยายตลาด เพิ่มรายได้ให้ไปรษณีย์ไทย

“เชื่อว่าปี 67 ธุรกิจไปรษณีย์-ขนส่งจะยิ่งทวีความสำคัญ เนื่องจากเป็นหนึ่งในภาคบริการที่เชื่อมต่อกันทั้งเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยจึงให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างที่ตอบสนองความต้องการระยะยาว จากการเป็นผู้ที่เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้บริการแบบไม่มีวันหยุด ปรับรูปแบบการจ่าหน้าให้เป็นดิจิทัล การให้บริการคลังสินค้าครบวงจร และเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการให้กับลูกค้าให้สามารถใช้ช่องทางการชำระเงินค่าสินค้า-บริการผ่านแอปพลิเคชัน We Chat และ Ali Pay ที่จะเริ่มในไตรมาส 2 ปีนี้”

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่