การเงินดีชีวิตดี บางครั้งก็มาในรูปแบบของการ “เสี่ยงดวง” โดยเฉพาะคนไทยที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการชอบเสี่ยงดวง เสี่ยงโชคมาแต่ไหนแต่ไร เห็นได้จากการซื้อหวย ทั้งหวยรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ และหวยใต้ดินในแต่ละงวด หรือแม้กระทั่งกล่องสุ่มที่ฮิตฮอตอยู่ช่วงหนึ่ง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยล้วนมี DNA ของนักเสี่ยงโชคอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งในสภาวะสังคมและเศรษฐกิจผันผวน ก็ยิ่งเป็นแรงผลักให้คนหันพึ่งสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์ต่างๆ มักจะงัดเอากลยุทธ์การตลาดเรื่องนี้มาเป็นจุดขายกลาย หรือที่เรียกว่า Lotto Marketing เพื่อสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังนามว่า “คาราบาวแดง”
กมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้คาราบาวเคยพยายามที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมา เพื่อทำกิจกรรมให้ผู้บริโภคมาร่วมสนุกกัน แต่ด้วยความที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่คุ้นชินกับการใช้เครื่องมือมากนัก ด้วยเพราะเป็นกลุ่มคนทั่วไป และแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราทิ้งโปรเจกต์นี้ไป
ส่วนแคมเปญ "บาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพ" ที่ส่งฝาเครื่องดื่มคาราบาวแดงชิงโชคนั้น แม้จะดูโบราณ แต่ให้อารมณ์ที่สะท้อนถึง DNA ของคนไทยได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การเสี่ยงโชค โดยสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ได้มากกว่า เพราะการดื่ม เขียน แล้วส่งฝา ผู้บริโภคจะรู้สึกถึงการร่วมกับแบรนด์ทำให้ยอดขายในพอร์ตเติบโตตามมาด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันการใช้ “สาวบาวแดง” ที่ถือเป็นไอคอนของสินค้าคาราบาวแดง จะทำให้ผู้บริโภครับรู้ได้ว่า เจอสาวบาวแดงที่ไหน ได้โชคที่นั่น ลงไปถึงระดับชุมชน ตำบล อำเภอ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ปัจจุบันมีสาวบาวแดงกว่า 300-400 คน โดยแต่ละคนล้วนเป็นพนักงานในบริษัทที่กระจายทั่วประเทศ แต่จุดโลเคชันหลักๆ คือ กรุงเทพฯ เนื่องด้วยมีกลุ่มผู้บริโภคอย่าง แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯ เพราะ คาราบาวแดง เป็น “สินค้ามวลชน” ดังนั้นการใช้ “สาวบาวแดง” ที่ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์รุ่นเก๋า จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้จัก “คาราบาวแดง” ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแม้ว่าในปี 2567 จะไม่หวือหวา แต่ก็ไม่หดตัว ในฐานะผู้เล่นของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังที่สามารถยึดหัวหาดกับการเป็นเบอร์สองในไทย เบอร์หนึ่งในอาเซียน และเป็นผู้นำในหลายประเทศ ยังคงใช้ยุทธศาสตร์ “ราคา” 10 บาทต่อขวดเท่าเดิม โดยจะเน้นการเพิ่มปริมาณยอดขายเป็นหลัก เพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ว่านั่นคือครองส่วนแบ่งการตลาด 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ภายในปี 67 จากปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 24% ซึ่งจะทำให้คาราบาวแดงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทย ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ "คาราบาวแดง" นั้นปัจจุบันส่งออกไปหลายประเทศ แต่ตลาดหลักอยู่ที่ในอาเซียน ส่วนยุโรปส่งไปจำหน่ายตามคำสั่งซื้อ
ทั้งนี้การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ผ่าน ‘สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง’ อย่างคาราบาวคัพ ที่เป็นการสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลลีก คัพ อย่างฤดูกาล 2023-24 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ เชลซี คู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบหวุดหวิด 1- 0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ถือเป็นกลยุทธ์เดินเกมของชายชื่อ “เสถียร” ที่มีจุดสำคัญคือ เพื่อตอกย้ำแบรนด์คาราบาวแดงให้คนไทย และทั่วโลกได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ก้าวข้ามขีดจำกัด และขึ้นสู่เวทีระดับโลกได้ โดยที่จะไม่ได้ความสำเร็จทางด้านเดียวอย่าง “การรับรู้” เท่านั้น แต่จะได้ในแง่ยอดขาย และการโปรโมตประเทศไปด้วยเช่นกัน.