นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ภาพรวมยอมรับว่าไม่สู้ดีนัก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังซื้อลดลงหนักกว่าภาคอื่น จากบริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นบริษัทในเครือได้รับผลกระทบเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหลักแล้วมองว่าผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังภาคอีสาน
กรณีดังกล่าวทางบิ๊กซีได้พยายามมีส่วนร่วมที่จะผลักดันให้กิจกรรมการท่องเที่ยวเมืองรองในภาคนี้เพิ่มขึ้นโดยร่วมกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพยายามจัดกิจกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ภูมิปัญญาชาวบ้าน สินค้าท้องถิ่นโอทอปเพื่อสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปี 2566 ที่ผ่านมาโดยรวมแล้วดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 จะลดลงก็ตาม
“ขณะที่เศรษฐกิจในไตรมาสแรกเกิดความผันผวนต่อเนื่อง ตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่น ทางบิ๊กซีในฐานะเอกชนต้องมองว่าเราต้องสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองก่อนด้วยการจับมือพันธมิตรจัดฉลองตรุษจีนยิ่งใหญ่ต้อนรับปีมังกร “ไหว้ตรุษจีน เฮง เฮง เฮง รับปีมังกร ที่บิ๊กซี” ต้อนรับตรุษจีนปีมังกร โชคดีตลอดทั้งปี ด้วยการมอบความสุข ความสมหวัง กับชุดของไหว้มงคล ได้แก่ ชุดรวมของไหว้ ของสด เป็ด ไก่ ผักผลไม้ ชุดเครื่องไหว้บรรพบุรุษ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และสินค้าอีกมากมายกว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 50% ที่บิ๊กซีทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะมียอดขาย 1,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 40%
นายอัศวิน กล่าวว่า เรามาสร้างความเชื่อมั่นกันเอง ว่าประเทศยังเดินหน้าต่อไปได้ ออกมาจับจ่ายใช้สอยให้เงินหมุนไปหลายๆรอบ จัดไหว้เจ้าใช้ของดี ทำให้เฮง เฮง หวังว่าธุรกิจไตรมาสที่ 2 จะดีขึ้น กำลังซื้อที่มีปัญหาและปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานกันเต็มที่ ภาคเอกชนรอเชียร์อยู่ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาหรือไม่ที่จะทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
สำหรับบิ๊กซีเองในปีหน้าเดินหน้าลงทุนเพิ่มโดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนอีกกว่า 2,000 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ไม่รวมกับเงินลงทุนเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ โดยปีที่ผ่านมาได้ลงทุน 6,000-7,000 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาเดิมและลงทุนสาขาใหม่ ล่าสุดบิ๊กซี มีสาขาขนาดใหญ่ 154 สาขา ขนาดกลาง 60 สาขาและขนาดเล็ก 1,500 สาขา ล่าสุดได้ปรับสาขาขนาดใหญ่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นบิ๊กซี เพลส 2 สาขาที่สาขาลำลูกกาและรัชดาภิเษกโดยปรับโฉมให้ทันสมัยเหมาะกับสังคมเมือง เพิ่มพื้นที่ฟู้ดคอร์ต หาร้านอาหารดังๆระดับประเทศเข้ามาดึงคนเข้าศูนย์ให้มากขึ้น รวมทั้งฟอร์แมตฟู้ดเซอร์วิส และมินิบิ๊กซีที่กำลังพิจารณาการปรับปรุงให้ดีขึ้นทางด้านบิ๊กซีในต่างประเทศยังไปได้ดีในลาว แม้จะเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงแต่กำลังซื้อยังดี โดยบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเวียงจันทน์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนสาขาที่ประเทศกัมพูชาก็ไปได้ รวมถึงธุรกิจในเวียดนามภายใต้แบรนด์เอ็มแอนด์เอ็ม บริการค้าส่งแบบแคชแอนด์แคร์รี่ มี 24 สาขา ซึ่งในอีก 2 ปีข้างหน้าจะได้เห็นแบรนด์บิ๊กซีในเวียดนาม หลังจากบริษัทอื่นหมดสัญญาใช้ชื่อแบรนด์และส่งกลับคืนมา
“ปีที่ผ่านมานับว่าโชคดีที่ระงับแผนการนำบิ๊กซีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร นับตั้งแต่ซื้อกิจการบิ๊กซี และนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ในปี 2560 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ทรัพย์สินโตขึ้น 3 เท่า กำไรเติบโตเกือบ 3% ถือว่าสูงมากในธุรกิจค้าปลีก”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่