จากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยกเว้นวีซ่า การขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบันเทิง การลด-เลิกภาษีไวน์ สุรา และการสร้างสัมพันธ์กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผลักดันให้ปริมาณการจองห้องพักของโรงแรมในประเทศไทยช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของปี 2567 มีแนวโน้มที่สดใสต่อเนื่อง โดยสูงกว่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20-30%
รวมทั้งจำนวนห้องพักที่นักท่องเที่ยวชาวจีนได้จองไว้ก็พุ่งทะยานไปเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2566 สอดคล้องกับการรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยกลับมาแซงหน้านักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2567
และจากนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยผลักดันการท่องเที่ยวของไทยเหล่านี้ ก็ยังส่งผลให้ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจโรงแรมที่กระจายอยู่เกือบ 60 ประเทศทั่วโลก และร้านอาหาร ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลก ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการโรงแรมในช่วงสิ้นปี 2566 สูงกว่าระดับในช่วงก่อนโควิด และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจนถึงปี 2567
วิลเลียม ไฮเน็ค ประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศจีนจะกำลังเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในขณะนี้ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณฟื้นตัวที่ดีของภาคการท่องเที่ยวของไทย
และด้วยเหตุนี้เองทำให้ในเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โรงแรมของ MINT ในประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักกว่า 75% และค่าห้องเฉลี่ย (Average Daily Rate) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นอัตราเติบโตที่เหนือกว่าระดับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562
ทำให้ MINT มั่นใจว่า จะสามารถเพิ่มรายได้และกำไรในแต่ละปีได้ตามแผนธุรกิจ ขณะเดียวกัน ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ MINT ทั้งหมดนี้ยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถเร่งชำระหนี้ก่อนกำหนดและลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับเพียง 1 เท่า ณ สิ้นปี 2566 โดย MINT มุ่งมั่นที่จะลดอัตราส่วนหนี้สินต่อไปในภาวะปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยยังคงสูงอยู่ เพื่อเพิ่มอัตราทำกำไรสุทธิให้มากขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน วิลเลียม ยังได้มีข้อเสนอต่อรัฐบาลในการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เช่น การส่งเสริมด้านซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยใช้สถานที่ในประเทศไทยที่แสดงถึงทัศนียภาพอันสวยงามและอัธยาศัยของคนไทย อาหารไทย การดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ซึ่งอาศัยการผสมผสานภูมิปัญญาอันเก่าแก่ของประเทศไทยเข้ากับเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับมาตรฐานโลก ด้านกีฬา ตลอดจนดนตรี เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ
“รัฐบาลสามารถใช้มาตรการทางการเงิน (incentive) สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตระดับโลกในเมืองไทยให้มากขึ้น ดังเช่นที่ได้ให้การสนับสนุนการถ่ายทำหนังและภาพยนตร์ในประเทศไทยมาแล้ว”
นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนสายการบินและสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และการปรับลดค่าโดยสารให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การทำการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและลดความเสี่ยง มาตรการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ
โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่น ในไตรมาส 2 และ 3 ของแต่ละปี การส่งเสริมวีซ่าเกษียณอายุ ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดชาวต่างชาติที่เกษียณแล้วให้มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สูงขึ้น จากมูลค่าการใช้จ่ายด้านสุขภาพ การแพทย์ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
รวมทั้งการสานความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจและสังคมกับจีนอย่างแน่นแฟ้น เพื่อให้ประเทศจีนยังคงเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย การส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคอาเซียน และการพิจารณายกเว้นวีซ่าให้มีระยะเวลาที่ยาวขึ้น
ดังนั้นด้วยนโยบายต่างๆ เหล่านี้จะช่วยผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกในปี 2567