แบรนด์คิวเฟรช (Qfresh) ภายใต้บริษัท ไทยยูเนี่ยน ออนไลน์ช็อป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำและผู้ผลิตอาหารทะเลคุณภาพระดับโลก เขย่าวงการอาหารซีฟู้ดพร้อมทานและปรุงในประเทศไทย ปูพรมกระจายความอร่อยทั่วประเทศ ผ่านพรีเซ็นเตอร์สุดฮอต “แบงก์ ธิติ มหาโยธารักษ์” เสิร์ฟเมนูเด็ดกุ้งชุบแป้งซีรีส์ใหม่ 4 เมนู 4 สไตล์ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าลุยครองใจคนรุ่นใหม่ มั่นใจปี 2566 โตทะลุเป้า
นายธนโชติ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกุ้ง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอาหารทะเลแช่แข็งประเทศไทยปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าจะสามารถเติบโต 4-5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของชุมชนเมือง การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นอาหารที่อร่อย และสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารทะเลแช่แข็งแบบ Deep fried ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ผ่านกลยุทธ์ Fandom เพื่อให้สินค้าคิวเฟรชเป็นที่รู้จักดียิ่งขึ้นจึงได้เลือก “แบงก์ ธิติ มหาโยธารักษ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของคิวเฟรช เพราะมีบุคลิกและไลฟ์สไตล์โดดเด่น ตอบโจทย์การเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมและสังสรรค์
สำหรับภาพรวมธุรกิจคิวเฟรชครึ่งแรกของปี 2566 นายธนโชติ กล่าวว่า มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ราว 130 ล้านบาท โดยสินค้าที่เป็นรายได้หลักของธุรกิจมาจากสินค้ากลุ่มกุ้ง 42% ส่วนที่เหลืออีก 58% เป็นปลา และซีฟู้ดประเภทอื่นๆ ขณะที่ครึ่งหลังของปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากคิวเฟรชมีแผนออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Value added และเน้นกลยุทธ์ diversify พอร์ตสินค้า เพิ่มสัดส่วนสินค้าชนิดอื่น ที่นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์หลักอย่างกุ้ง เช่น ปลากะพง และสินค้านำเข้า
ตั้งเป้าปีนี้มียอดขายรวม 600 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ มาจากการขายผลิตภัณฑ์รูปแบบ B2B กับธุรกิจบริการร้านอาหาร (Food service) ที่คาดว่าจะเติบโต 400 ล้านบาท และรายได้จากการขายรูปแบบ B2C ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ที่คาดว่าจะเติบโต 230 ล้านบาท
ขณะที่สินค้าที่ขายดีที่สุดในช่องทางโมเดิร์นเทรดจะเป็นกลุ่มปลากะพงสไลด์ ที่สะดวกในการใช้งานและจัดเก็บ และจะเน้นช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพราะถ้าดูที่ยอดการใช้จ่ายต่อบิลจะเห็นว่าการซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท/บิล และโมเดิร์นเทรด อยู่ที่ 200-300 บาท/บิล และเราตั้งเป้าว่าจะต้องดันยอดใช้จ่ายต่อบิลให้ขึ้นราว 10% ภายใน 1-2 ปีนี้ ปัจจุบันคิวเฟรชมีสินค้ามากกว่า 80 SKUs และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 5%
จากกรณีญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้ว จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ ลงสู่ทะเลตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2566 ทำให้หลายประเทศยกเลิกการนำเข้าอาหารทะเล
ธนโชติ กล่าวว่า บริษัทได้จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไร ลูกค้ายังไม่ได้มีการชะลอหรือยกเลิกคำสั่งซื้อ แต่มีสอบถามเข้ามาบ้าง ถึงแม้บริษัทจะมีการนำเข้าอาหารทะเล บางอย่างจากญี่ปุ่นเข้ามา เช่น หอยโฮตาเตะ ปลาฮามาจิ แต่เป็นสินค้าลอตที่นำเข้ามาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีสต๊อกสินค้าซัพพลายลูกค้าได้ถึงสิ้นปี 2566
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 และ 4 จะมีการประเมินสถานการณ์การนำเข้าวัตถุดิบอีกครั้ง โดยพิจารณาจากความปลอดภัย ความต้องการของลูกค้า และราคาเป็นหลัก ซึ่งบริษัทมีการเตรียมพร้อมหาแหล่งนำเข้าจากประเทศอื่นมาทดแทน หากจำเป็น