ธนชาตประกันภัย ปักธงผู้นำประกันรถ EV ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมเติบโต 16% ตั้งเป้าเบี้ยรวมอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้าน มอง "ประกันรถบรรทุก" จะเติบโตสูง
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 66 นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้เราตั้งเป้าเติบโตโดยเฉพาะเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2566 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท หรือเติบโต 16% ทั้งนี้ เพื่อให้มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจประกันวินาศภัยลูกค้ารายย่อย ด้วยการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 5 สำคัญ ดังนี้
1. The power of protection พลังของการดูแลความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการ ในปีนี้จะมุ่งขยายตลาดประกันภัยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV และประกันภัยคุ้มครองรถบรรทุก หรือ Truck โดยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะบุกทั้งป้ายแดงและปีต่ออายุ
โดยจะเน้นให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป พร้อมบริการหลังการขายระดับพรีเมียมมาตรฐานของธนชาตประกันภัย โดยเฉพาะความกังวลเรื่องแบตเตอรี่รถหมดระหว่างการเดินทาง มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ประสานรถยกไปจุดชาร์จที่ใกล้ที่สุดในรัศมี 20 กม.
รวมถึงการพัฒนาบริการครบวงจร เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในตลาดประกันภัยรถไฟฟ้า นอกจากนี้ได้ขยายความเชี่ยวชาญไปยังตลาดรถบรรทุกใหญ่ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถบรรทุกใหญ่ ที่มีทั้งแบบประเภท 1 สำหรับรถบรรทุกใหญ่อายุ 1-10 ปี
ประเภท 2+ สำหรับรถบรรทุกใหญ่อายุเกิน 10 ปี ในรูปแบบแพ็กเกจที่เข้าใจง่าย มีความชัดเจนเรื่องทุนประกันภัยและเบี้ยประกันภัย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย ขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนในผลิตภัณฑ์ประกันภัย คุ้มครองสินเชื่อประกันภัยคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับกลุ่มครอบครัว เพื่อช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเงินให้กับลูกค้าด้วย
"รถบรรทุกเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตมาก หากกลับขึ้นไป 1 ล้านคันในระบบอีกครั้ง หลังเจอโควิดลงมา 5 แสนคัน "
2. The power of partnerships พลังของการเสริมเครือข่ายพันธมิตรให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรปัจจุบัน เพื่อรักษาฐานการตลาด ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของบริษัท และยังขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย
โดยธนชาตประกันภัยยังได้ดำเนินการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และภูมิภาค ทั้งในกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อ โบรกเกอร์ และดีลเลอร์ที่ขายงานรถ EV และรถบรรทุกโดยตรงอย่างต่อเนื่อง
3. The power of ultimate services พลังของการสร้างประสบการณ์งานบริการที่เหนือกว่า ธนชาตประกันภัยพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งด้านเครือข่ายอู่ซ่อมรถยนต์ และศูนย์บริการที่มีมาตรฐานครอบคลุมทุกจังหวัดกว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ
รวมถึงการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น Digital Insurance โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่น การให้บริการผ่าน Line Service ธนชาตประกันภัย ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งอุบัติเหตุไปจนถึงต่ออายุกรมธรรม์ได้ง่ายๆ
อีกทั้งยังเพิ่มบริการ Meet and Care ผู้ช่วยส่วนตัว ดูแลงานซ่อมรถแทนลูกค้า ตั้งแต่การประสานงานกับอู่ซ่อมรถ รายงานสถานะงานซ่อมทุกระยะ รวมถึงช่วยตรวจคุณภาพงานซ่อม ก่อนส่งมอบรถคืนให้กับลูกค้า
โดยปี 66 นี้ จะขยายพื้นที่บริการ Meet and Care ไปยังสาขาธนชาตประกันภัยเพิ่มเติมอีก 14 แห่ง และยังได้เปิดตัวบริการ Photo Claim ซึ่งให้ลูกค้าสามารถจัดการงานเคลมได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่สำรวจภัยให้บริการ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความสะดวกและรวดเร็วให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น
4. The power of technology พลังสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ข้อมูล ธนชาตประกันภัยให้ความสำคัญกับระบบ Information Security Management System หรือ ISMS ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ซึ่งได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล ISO/IEC 27001:2013 แล้ว ยังได้พัฒนาระบบการทำงานแบบ Automate โดยใช้เทคโนโลยี Robotic Process Automation หรือ RPA มาประยุกต์ใช้ เพื่อลดเวลาดำเนินการ
เช่น ขั้นตอนการจัดอะไหล่ได้ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาทีม Data Scientist ผนวกกับการลงทุนโครงสร้างด้าน Infrastructure จัดทำ Data-Lake เพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านผลิตภัณฑ์ และบริหารประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
5. The power of people พลังของบุคลากร ธนชาตประกันภัยเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยผลสำเร็จของงาน จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่าน IDO Culture ทั้งเรื่องของ Insightful มีความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ Dynamic ยืดหยุ่น ความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว และ Optimal รู้จักวางแผน พร้อมจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการสร้างมาตรฐานการทำงานให้มีความสุข เน้นผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงาน โดยนำเครื่องมือด้านบริหารบุคลากรมาใช้ในหลายมิติ อาทิ การจัดทำ OKR และ KPI, ส่งเสริมรูปแบบการทำงานแบบ Agile, การปรับวิธีการทำงานให้สอดรับกับคนรุ่นใหม่ เช่น การปรับสำนักงานให้เป็นแบบ Hybrid Workplace
สำหรับผลงานปี 2565 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีเบี้ยประกันภัยรวมเติบโต 24% โตมากกว่าอุตสาหกรรมที่โตเฉลี่ย 5.4% โดยมีเบี้ยประกันภัยรวม 10,320 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท โดยมาจากประกันภัยรถยนต์ 89% จากทุกช่องทางการจำหน่าย พร้อมฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ที่ผงาดขึ้นมาอันดับ 6 จาก 50 กว่าๆ และ ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง คือมีเงินกองทุน (CAR) สูงกว่า 577% สูงกว่าเกณฑ์มาก และยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัททุนธนชาต (TCAP) ที่ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้เต็มกำลัง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 1.1 ล้านราย มีจำนวนกรมธรรม์ 1.5 ล้านกรมธรรม์.