หลังจากประเทศไทยอนุมัติให้สามารถปลูก พืชกัญชง หรือ Hemp ได้ทุกวัตถุประสงค์ เริ่มตั้งแต่การค้า การแพทย์ การศึกษาวิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม หรือผลิตเมล็ดพันธุ์รับรองเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 64 แต่ผ่านมาปีกว่าๆ อุตสาหกรรมพืชกัญชงในไทยนั้นเติบโตน้อยกว่าที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้
ยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด และอุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมกัญชงและกัญชาไทย กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกัญชงอยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งถือว่ามีการเติบโตน้อยมาก
โดยส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายรัฐที่ประกาศให้มีเสรีกัญชา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นผู้บริโภคเข้าใจผิดว่ากัญชงและกัญชา คือ พืชตัวเดียวกัน และที่เข้าใจผิดเข้าไปอีกนั่นก็คือ กัญชา คือ เสพสันทนาการ และมองว่ากัญชงก็สันทนาการ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย
ทั้งนี้ พืชกัญชง หรือ Hemp สกัดออกมาจะได้สาร Cannabidiol หรือ CBD แต่ถ้าเป็นพืชกัญชาจะสกัดออกมาได้ Tetrahydrocannabinol หรือ THC ที่เป็นสารมึนเมา เมื่อผู้บริโภคไม่เข้าใจ ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่ากัญชงและกัญชาเหมือนกัน จึงทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตน้อย นอกจากนี้ ตลาดพืชกัญชงในประเทศไทยยังไม่เอื้ออำนวย เพราะยังเข้าไม่ถึงงานวิจัยในหลายๆ อย่าง รวมถึงข้อเท็จจริงระหว่างกัญชงและกัญชา
"สิ่งที่สำคัญที่เราขาดการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจจากรัฐ โดยเฉพาะความแตกต่างของสาร CBD และ THC ซึ่งสาร CBD ที่ได้จากการพืชกัญชงจะเข้ามาช่วยเรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ หรือนำไปสกัดเป็นอาหาร และฟามาซูติคอล"
กัญชงพืชมากความสามารถ
ยิ่งยศ อธิบายว่า ในความเป็นจริงแล้ว "พืชกัญชง" ถือเป็นพืชมหัศจรรย์ ไม่ใช่แค่การสกัดแล้วได้แค่สารซีบีดีเท่านั้น แต่ยังเป็นพืชมีโปรตีนสูงมาก เราสามารถนำลำต้น และใบมาสกัดเป็นโปรตีน ซึ่งให้คุณภาพเทียบเท่าเวย์โปรตีน ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ และสหรัฐฯ นำโปรตีนเหล่านี้มาใช้แทนนม และเริ่มใช้ในเด็กที่มีอาการแพ้นมวัว เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแทนนมจากถั่ว หรือนมแพะ
ส่วนรสชาตินั้นก็ให้รสสัมผัสเหมือนนม เมื่อเติมช็อกโกแลต หรือรสชาติอื่นๆ เข้าไปก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันเลย ถือว่าเป็นทางเลือกของคนที่อยากดื่มนมแต่แพ้โปรตีนในนมวัว นอกจากนี้ สารสกัดที่ได้จากกัญชงยังช่วยเรื่องการให้พลังงาน ช่วยเรื่องความจำ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่ในขั้นตอนการผลิต และการวิจัยต่างๆ อีกด้วย
อนาคตของอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย
ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตลาดกัญชงในไทยมีมูลค่าประมาณ 3,800-7,200 ล้าน และภายใน 3 ปีมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท เพราะพืชกัญชงไม่ได้มีแต่สุาร CBD เท่านั้น แต่ยังนำไปประกอบกับธุรกิจหลายอย่าง เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคโรงงานที่เกี่ยวข้องกับการสกัด การต่อยอดไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น
เช่น เวลเนสเซ็นเตอร์ ที่มาจากสารซีบีดี ต้องยอมรับว่า ปัญหาการนอนหลับถือเป็นปัญหาใหญ่คนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย พบโรคนอนไม่หลับกว่า 30% อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป และเป็นคนวัยทำงาน
โดยสาร CBD จะเข้าไปตอบโจทย์ในเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องกินยานอนหลับที่อาจเป็นอันตรายต่อตับ ซึ่งซีบีดีเป็นสารที่มาจากธรรมชาติที่ปรับสมดุลสารในสมองให้นอนหลับสบาย นอกจากนี้ สารซีบีดีที่เข้าไปช่วยเรื่องพากินสัน โรคไฮเปอร์เรสซี ซึ่งได้รับการวิจัยต่างประเทศแล้ว
สำหรับกัญชงในตลาดเฮลแคร์นั้นจะต้องถูกเพิ่มมูลค่าด้วยการทำ Wellness Center หรือรับนักท่องเที่ยวที่เน้นเรื่องสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยเก่งเรื่องระบบสาธารณสุข รวมถึงท่องเที่ยวสุขภาพเชิงศึกษาความรู้ นอกจากนี้ เราได้ตั้งสมาคมอุตสาหกรรมกัญชงและกัญชาไทย สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อดูแลอุตสาหกรรมให้เติบโต และเป็นมาตรฐานเดียวกัน ที่สำคัญต้องการให้เกษตรและผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจกับพืชกัญชง และกัญชามากขึ้น
ไทยลีฟกับพืชกัญชง
สำหรับการทำธุรกิจพืชกัญชงของไทย ลีฟ นั้นเราเป็นผู้ผลิตและสกัดซีบีดีจากกัญชง รวมถึงการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้จากกัญชง เราได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยกัญชงมากว่า 30 ปี ที่เด่นเรื่องงานวิจัยและพัฒนากัญชงเพื่อพัฒนากัญชงสายพันธ์ที่เหมาะกับประเทศไทย
ยิ่งยศ บอกอีกว่า ในช่วงการพัฒนางานวิจัยเราจะทยอยขึ้นทะเบียนกัญชงสายพันธุ์ไทยที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศเรา ปัจจุบันเรานำเข้าจากสายพันธุ์เข้ามาที่เป็นพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับภูมิประเทศของไทย สิ่งที่แตกต่างความยาวของแสงแดด ซึ่งไทยจะอยู่ที่ 10-11 ชั่วโมง แต่ของสหรัฐฯ 14 ชั่วโมง นี่คือเหตุผลที่เกษตรการต้องใช้ไฟแอลอีดีในการช่วยเพาะปลูก เพื่อขยายแสงแดดประมาณ 2 ชั่วโมงนั่นเอง
"ตอนนี้เรามีสูตรผลิตภัณฑ์ที่พร้อมพัฒนาทันทีกว่า 1,000 สูตร มีการจดลิขสิทธิ์และขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาแล้วในอเมริกา ซึ่งเร็วๆ นี้เราพร้อมจะเปิดตัว ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มอาหารเสริม กลุ่มเวชสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยา"
นอกจากนี้ เราพร้อมขยายการเพาะปลูกพืชกัญชง และการทำโรงงานทำสารสกัดในอนาคตเพื่อรองรับการเติบโตในไทยและในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กัญชงมีมาตรฐานเหมาะกับภูมิภาค และต่อยอดสินค้าให้มากขึ้นอีกด้วย