เม็ดเงินลงทุนภายในประเทศภาพรวมปี 2565 ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินลงทุนจาก นักลงทุนต่างประเทศ กว่า 1.12 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในบ้านเรามากที่สุดก็ยังเป็น นักลงทุนญี่ปุ่น เหตุผลหนึ่งก็เพราะสภาพภูมิประเทศ ความคุ้นเคยและความเป็นมิตร ระหว่างทั้งสองประเทศที่มีการลงทุนร่วมกันมานาน ที่เหลือจะเป็นนักลงทุนรายใหม่ อาทิ จีน กลุ่มชาติตะวันออกกลาง อินเดีย ไต้หวัน ฮ่องกง สหรัฐฯ ยุโรป โครงสร้างพื้นฐาน ต้นทุนการผลิต วัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ และเงื่อนไขการลดก๊าซเรือนกระจก ก็ยังเป็นแรงจูงใจในการลงทุนอยู่เหมือนเดิม
การลงทุนคงจะต้องแยกจาก นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ กับ แรงงานมีฝีมือ ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของการลงทุนด้วย ประเภทแรงงาน ลูกจ้างรายวัน จะต้องมีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องเป็นไปอย่างสมดุล
อุตสาหกรรมที่สร้างรายได้มากที่สุดหนีไม่พ้น อุตสาหกรรมพลังงาน เทคโนโลยี อาหาร ยารักษาโรค ซึ่งในอนาคตการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศที่มั่งคั่งทางพลังงาน ก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมันก็ได้ อาจจะเป็นพลังงานในอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไฮโดรเจน พลังงานไฟฟ้า หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนแรงงานมนุษย์ในสัดส่วนที่มากขึ้น
ที่จะต้องยกเป็นกรณีศึกษาคือการดำเนินธุรกิจของ กลุ่ม ปตท. นำโดย อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ที่ต้องยอมรับว่าผลการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. สร้างการขับเคลื่อนทางธุรกิจได้พัฒนาให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มีกำไรสุทธิมากที่สุด ส่งรายได้เข้ารัฐมากที่สุด และสนับสนุนการขับเคลื่อนภาครัฐมากที่สุด มีขนาดขององค์กรภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดด้วย
การการันตี ประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กร จากรางวัลประเภทต่างๆในแต่ละปีที่ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง รับประกันความสำเร็จขององค์กร ที่พยายามคิดนอกกรอบอยู่ตลอดเวลา อย่างล่าสุด ปตท.ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI กลุ่มดัชนีโลก รวมถึงดัชนีตลาดเกิดใหม่ Emerging Market Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เป็นองค์กรชั้นนำของอุตสาหกรรมในกลุ่ม Oil & Upstream & Integrated สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง การพัฒนาอย่างยั่งยืน ของ ปตท. ผ่านการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งเรื่องของสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศบริการในการดำเนินธุรกิจ ที่เน้นการเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาดและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนี้ยังมีบริษัทในกลุ่ม ปตท. อาทิ ไทยออยล์ พีทีทีโกลบอล เคมิคอล ไออาร์พีซี โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI ดัชนีสากลที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพผลการดำเนินธุรกิจในระดับโลกอีกด้วยในช่วงของการระบาดโควิด-19 ก็ได้กลุ่ม ปตท.โครงการลมหายใจเดียวกันเข้ามาดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างครบวงจร มอบเงินสนับสนุนในการแก้วิกฤติที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นล้าน ทำให้เกิดสังคมที่มีคุณภาพและยั่งยืน.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th