สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ขณะนี้หลายบริษัทในไทย นอกจากเร่งสร้างองค์กรให้เติบใหญ่อย่างเข้มแข็งในทางธุรกิจแล้ว ยังมีความตื่นตัวในการสร้างสรรค์องค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth) โดยมีเป้าหมายชัดเจนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

บริษัทชั้นนำของไทยอย่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “กลุ่มไทยเบฟ” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นผู้ประกอบการเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็มีนโยบายที่แน่ชัดในเรื่อง “การเติบโตที่ยั่งยืน”

ล่าสุด “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่แห่งกลุ่มไทยเบฟ ได้นำทีมผู้บริหารจัดแถลงข่าวใหญ่ประจำปี ซึ่งนอกจากจะเปิดเผยถึงผลงานที่ไปโลดในการนำธุรกิจของกลุ่มฝ่าฟันอุปสรรคผ่านช่วงเวลา 2 ปีที่โควิด-19 ระบาดหนักมาได้สำเร็จ มีผลประกอบการแข็งแกร่งทั้งในด้านการเงินและการดำเนินงานที่สุดฉลุยในงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2565 แล้ว

ยังได้ตอกย้ำการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของไทยเบฟ พร้อมตั้งมั่นสรรค์สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย PASSION 2025 ตามพันธกิจ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” โดยไทยเบฟมุ่งมั่นให้ความสำคัญต่อการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และบุคลากรของกลุ่มและยังได้ประ กาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583

ไทยเบฟได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน มาเป็นแนวทางในการพัฒนาความยั่งยืน ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) 17 ข้อ

“ฐาปน” ย้ำว่า เพราะมีนโยบายที่ชัดเจนเช่นนี้ได้ช่วยให้ไทยเบฟสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนไปพร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจ รวมถึงปกป้องสิ่งแวดล้อม สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และยกระดับการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล

นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำเป้าหมายของกลุ่มที่จะสรรค์สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจในไทยและในภูมิภาค

ในปีนี้ไทยเบฟมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากโควิด-19 โดยประเทศไทยและเวียดนามซึ่งเป็นตลาดหลักทั้งสองแห่งของไทยเบฟได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งรวมถึงข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศและมาตรการทางสังคม นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ผู้บริโภคกลับมารับประทานอาหารภายในร้านได้ตามเดิม ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และการบริโภคกลับมาฟื้นตัว โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยให้รายได้และกำไรของกลุ่มเติบโตขึ้น

ถึงแม้การได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกตินั้นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เรายังต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ จากภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคในครัวเรือน โดยไทยเบฟจะยังคงดำเนินมาตรการบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป เพื่อให้กลุ่มมีความพร้อมรับมือกับแรงกดดันเหล่านี้ และด้วยรากฐานอันมั่นคงของไทยเบฟ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมั่นคงและหนักแน่น

อย่างไรก็ดี แม้ช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของการระบาดของโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ไทยเบฟจะไม่นิ่งนอนใจ ยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ดูแลและปกป้องบุคลากรทั้งในด้านสุขภาพและความปลอดภัย

พร้อมย้ำว่า ไทยเบฟจะยังมุ่งมั่นสรรค์สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2583, คืนน้ำสู่ธรรมชาติและชุมชนให้ได้ 100% ภายในปีเดียวกัน ส่งมอบผลกระทบสุทธิเชิงบวกด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

และตั้งเป้าว่าภายในปี 2573 นั้น 80% ของรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ต้องมาจากเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

รวมทั้งมุ่งมั่นในการแบ่งปันและสร้างคุณค่าแก่สังคมผ่านเสาหลัก 5 ประการ ได้แก่ การศึกษา สาธารณสุข กีฬา ศิลปะและวัฒนธรรม และการพัฒนาชุมชนและสังคม

เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ทั้งในฐานะผู้ว่าจ้าง องค์กรที่ดีของสังคม และผู้นำธุรกิจในภูมิภาค!!!

เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ