“ยาดมไทย” Soft Power พันล้าน ของฝาก TOP10 เมืองไทย หงส์ไทย - Pastel ตัวตึงแห่งยุค!

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“ยาดมไทย” Soft Power พันล้าน ของฝาก TOP10 เมืองไทย หงส์ไทย - Pastel ตัวตึงแห่งยุค!

Date Time: 20 พ.ย. 2567 11:51 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • “ยาดมไทย” Soft Power พันล้าน หายบ่อย ซื้อซ้ำ ดันมูลค่าโตแตะ 4.5 พันล้านบาทต่อปี ขึ้นแท่น "ของฝาก" TOP10 ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ ไอเทมยอดฮิตใหม่ของกลุ่มวัยรุ่น เจาะแบรนด์ดัง หงส์ไทย - Pastel ตัวตึงแห่งยุค!

Latest


ขาดแฟนไม่ตาย แต่ขาด “ยาดม” แล้วเหมือนจะขาดใจ ...นี่คือ 1 ในพฤติกรรมของชาว “ยาดมเลิฟเวอร์” ในประเทศไทย ที่ “ยาดม” หลากหลายแบรนด์ได้กลายเป็นไอเทมติดตัว ติดอยู่ในกระเป๋าตลอดเวลา ชนิดที่ขาดไม่ได้!

บ้างก็วาง “ยาดม” ไว้ตามจุดต่างๆ เช่น โต๊ะทำงาน หัวเตียง หรือในรถ ทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วยผ่อนคลาย แก้เครียด แก้เซ็ง เบื่อก็แค่ดม “ยาดม” ขึ้นแท่นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าที่เรียกว่า Heavy users หรือคนติดยาดม

อย่างไรก็ดี ตามข้อมูลของ K SME ธนาคารกสิกรไทย ยังระบุว่า เมื่อเจาะอินไซต์ชาวยาดมเลิฟเวอร์เชิงลึกแล้ว ยังมีอีกกลุ่มผู้ใช้งานที่น่าสนใจ อย่างกลุ่ม Light users ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักมองหา “ยาดม” เพื่อใช้ในบางโอกาสเท่านั้น เช่น เมื่อเป็นหวัด คัดจมูก หรือหาซื้อติดตัวไว้เมื่อต้องเดินทางไปท่องเที่ยว เน้นยาดมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รูปแบบทันสมัย ใช้งานง่าย และรูปลักษณ์ทันสมัย

ตลาด “ยาดมไทย” มูลค่าโตแตะ 4.5 พันล้านบาท 

ส่งผลปัจจุบัน ตลาด “ยาดมไทย” โตวันโตคืน และมีมูลค่าตลาดหลักหลายพันล้านบาท อีกทั้งด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสมุนไพรไทย ยังทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งได้อิทธิพลจากเหล่าเน็ตไอดอล คนดัง อย่างลิซ่า BLACKPINK, หนุ่ม ๆ GOT7 และหวังอี้ป๋อ ที่กลายเป็นตัวแปรผลักดันความฟีเวอร์ของยาดมแบรนด์ไทย

ขณะบริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ยาดมเป๊ปเปอร์มินท์ ฟิลด์ และยาหม่องน้ำเซียงเพียงอิ้ว ประเมินว่า ปัจจุบันมูลค่าของตลาดยาดมไทยอยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งความน่าสนใจของตลาดยาดมนี้ คือเป็นสินค้าที่คนส่วนใหญ่มักใช้ไม่หมด แต่ก็ยอมซื้อใหม่ใช้ไม่ขาดมือ เรียกได้ว่า Brand Loyalty หรือความจงรักภักดีในแบรนด์สูงมาก

โดยข้อมูลรวบรวมของ K SME ที่อ้างอิงมาจาก ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์, ธุรกิจไทย และ RSTA ยังระบุว่า มีคนไทยประมาณ 10% ที่ใช้ยาดม ผลักดันให้ตลาดนี้มีโอกาสเติบโต 10-20% ต่อปี จากเหตุผล 4 ข้อหลักๆ

1. คนรุ่นใหม่หันมาใช้ยาดมมากขึ้น หลังจากแบรนด์ต่างๆ มีการเปลี่ยนภาพลักษณ์ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย เพิ่มโอกาสการดึงลูกค้าคนรุ่นใหม่เปิดใจลองซื้อใช้งาน ส่งผลให้ผู้ซื้อหลักของตลาดยาดมตอนนี้ 50% อายุเฉลี่ย 30-55 ปี

2. คนใช้งานมีพฤติกรรมซื้อซ้ำบ่อย (ทำหาย/ลืมพก) โดยคนไทย 70 ล้านคน ใช้ยาดมอย่างน้อย 10% และใช้อย่างน้อย 2 ชิ้น/เดือน

3. ต่างชาติชื่นชอบ ทั้งซื้อใช้เอง และซื้อยาดมสมุนไพรไทยเป็นของฝาก จนติด 10 อันดับของฝากจากเมืองไทย พร้อมข้อมูลประจักษ์ อย่างแบรนด์อ้วยโอสถที่เผยว่า สัดส่วนยอดขายจากนักท่องเที่ยวคิดเป็น 25% ของยอดขายทั้งหมด

4. ตัวเลือกเยอะขึ้น มีแบรนด์ใหม่ๆ และสูตรใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือก และผลักดันให้ตลาดโตมากขึ้น

ยาดม Soft Power ไทย ชั้นเยี่ยม 4 แบรนด์ ตีตลาดต่างประเทศ โตแรง 

ขณะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า ปัจจุบัน ยาดมไทยดังไกลไปทั่วโลก จนกลายเป็นภาพตัวแทนของ Soft Power ไทย โดยหลายแบรนด์มียอดส่งออกไปขายต่างประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ

  • ยาดมโป๊ยเซียน ส่งออกสินค้าใน 4 ทวีป 12 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ซึ่งมียอดขายต่างประเทศเติบโตมากขึ้นทุกปี อย่างใน สปป.ลาว เมียนมา และญี่ปุ่น
  • ยาดมหงส์ไทย ส่งออกสินค้าแถบประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว ตลอดจนประเทศในเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไปจนถึงกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป
  • ยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ ส่งออกสินค้าไปกว่า 19 ประเทศ เช่น สหรัฐ, จีน, อังกฤษ, โรมาเนีย, เยอรมนี, มองโกเลีย, เมียนมา, สปป.ลาว, มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฮ่องกง, เวียดนาม และฟิลิปปินส์
  • ยาดมพาสเทล ส่งออกสินค้ากลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผลิตสินค้าพิเศษที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

หงส์ไทย Vs Pastel ตัวตึงแห่งยุค 

เจาะแบรนด์ยาดมมาแรงแห่งยุค ที่สร้างยอดขายเติบโตอย่างน่าสนใจได้แก่

หงส์ไทย: ปี 2566 มีรายได้รวมกว่า 350 ล้านบาท เติบโตขึ้น 465% จากความโดดเด่น ดังนี้

  • ความเป็นยาดมสมุนไพรหมักเจ้าแรกของไทย ไม่ว่าจะเป็นกานพลู ดอกจันทน์ ดอกพิกุล ดอกบุนนาค พิมเสน และเมนทอล เป็นกลิ่นหอมสไตล์ไทยที่ไม่มีใครเหมือน
  • ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่ยึด Brand Identity สะท้อนความเป็นไทยได้ชัด จากโลโก้ และสีสันที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ติดตาคนที่เห็นได้
  • มีให้เลือกใช้ได้หลายรูปแบบ ตามการใช้งานของลูกค้า เช่น กระปุก หลอด และหัวลูกกลิ้ง
  • เน้น Word of Mouth สร้างฐานลูกค้าที่ยั่งยืน ด้วยการให้ผู้ใช้จริงช่วยรีวิว แนะนำ บอกต่อปากต่อปาก

Pastel ยาดมมินิมอล: ปี 2566 ทำรายได้รวมกว่า 998 ล้านบาท เติบโตขึ้น 134% จากความโดดเด่น ดังนี้

  • จุดขาย ฝาไม่หาย ใช้งานง่าย เปิดได้ด้วยมือเดียว พกพาสะดวก แก้ไข Pain point ของกลุ่มลูกค้าที่มักทำฝายาดมหายเป็นประจำได้ด้วยดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่ฝาและขวดยาดมเป็นชิ้นเดียวกัน
  • ดีไซน์สุดคูล เหมือนเป็น Accessory ชิ้นหนึ่ง อย่างรุ่นที่มาพร้อมกับสายคล้อง ที่สามารถเลือกลาย, สี ของปลอกยาดม และสายคล้องคอได้ตามที่ชอบ
  • มีกลิ่นให้เลือกที่หลากหลาย เช่น กลิ่นส้ม, กลิ่นมิกซ์เบอร์รี ไปจนถึงกลิ่นมะม่วง
  • ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Fandom Marketing คือกลยุทธ์สร้าง Awareness ให้แบรนด์ ผ่านฐานกลุ่มแฟนคลับของดาราและศิลปิน ที่มีคาแรกเตอร์ตรงกับแบรนด์ ช่วยให้ Pastel ตีตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ K SME วิเคราะห์ว่า ทั้ง 2 แบรนด์ สามารถสะท้อนให้เห็นการเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งเน้นจุดเด่น หรือ Brand Identity ที่ต่างกันอย่างชัดเจน จึงทำให้ทั้ง 2 แบรนด์เติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ