ตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวีไบค์ เป็นตลาดที่มีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดดและเป็นที่น่าจับตามองที่หลายๆแบรนด์กำลังเตรียมความพร้อมกันอย่างคึกคักเพื่อรองรับเทรนด์ตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากจักรยานยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมายังอีวีไบค์
จากผลพวงของกระแสการใช้พลังงานสะอาดที่มีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก อีกทั้งโดนวิกฤติน้ำมันที่โดนผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งกดดันให้ผู้ใช้รถทั้งหลายหันไปมองรถอีวีและอีวีไบค์กันมากขึ้น
อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีและอีวีไบค์เพื่อไปสู่เป้าหมายฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยในส่วนของอีวีไบค์ได้ให้การสนับสนุนคันละ 18,000 บาท สำหรับประชาชนที่ซื้ออีวีไบค์ที่มีสเปกผ่านคุณสมบัติที่รัฐบาลกำหนดไว้ภายใต้กรอบเวลาจนถึงสิ้นปี 2566 สำหรับรถอีวีไบค์ที่นำเข้า และสิ้นปี 2568 สำหรับรถอีวีไบค์ที่ผลิตภายในประเทศ
นายพิชัย ปัญจสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ผู้จำหน่ายภายใต้แบรนด์ AJ EV BIKE กล่าวว่า หลังจากบุกเบิกตลาดอีวีไบค์ เป็นรายแรกในตลาดประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี ได้ลองผิดลองถูกกับตลาดมามากจึงมีความมั่นใจว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“ในปีนี้ต้องยอมรับว่าตลาดอีวีเติบโตสูงมาก จากปัญหาน้ำมันแพงได้เร่งความ ต้องการมากขึ้นเพราะอีวีไบค์ประหยัดกว่าการใช้น้ำมัน โดยในปีนี้ทาง AJ EV BIKE ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 3,000 คัน แต่ ณ ปัจจุบันยอดขายทะลุเป้าไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าจนถึงสิ้นปียอดขายจะไหลไปมากเท่าใดยังตอบไม่ได้ เพียงแต่เห็นตัวเลขแล้วตกใจ เพราะตลาดมีความต้องการเยอะมากๆ แบบเหลือเชื่อ ถึงกับแย่งกันซื้อจนขายไม่ทันกันทีเดียว ตอนนี้ปัญหาของเราคือจะต้องจัดส่งรถให้ทันกับความ ต้องการของตลาด”
นายพิชัย กล่าวว่า AJ EV BIKE ที่จำหน่าย ในตลาดมี 4 รุ่นหลักและเตรียมพร้อมที่จะเปิดให้ดีลเลอร์รับจองเพิ่มเป็น 10 รุ่น ราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่คันละ 39,900 บาทขึ้นไปถึงคันละแสนกว่าบาท แต่ละรุ่นจะมีสเปกที่แตกต่างกัน เช่น สเปกวิ่งได้ระยะทางใกล้หรือไกล แบตเล็กแบตใหญ่ หรือรถใช้ความเร็วสูงใช้มอเตอร์เล็กหรือมอเตอร์ใหญ่
“ในฐานะเราเข้าตลาดมาก่อน เราลองผิดลองถูกมาเยอะ มาถึงวันนี้เรามั่นใจว่าเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นทั้งตัวสเปกของอีวีไบค์ รวมไปถึงบริการและการรับประกัน ซึ่งเราได้แต่งตั้งดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายเก็บ 100 รายทั่วประเทศเพื่อดูแลตรงนี้ หากรถมีปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ง่าย เราจึงมั่นใจว่าเหนือคนอื่น”
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับอีโคซิสเต็มกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสวอปแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นเพนพ้อยต์ของอีวีไบค์ ซึ่งกลุ่มพวกไรเดอร์ที่ต้องการรถพร้อมวิ่งตลอดเวลา ไม่ต้องมีความกังวล โดยตั้งเป้าว่าจะลงทุนติดตั้งสถานีแลกเปลี่ยนแบต ซึ่งจะมีการนำระบบ IoT และโซลาร์เซลล์ และเทคโนโลยีอื่นๆเข้ามาพิจารณาใช้ด้วยเพื่อให้มีต้นทุนต่ำลงซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ต้นทุนค่าบริการสวอปแบตถูกลง มั่นใจว่าจะเป็นราคาที่ลูกค้าเห็นแล้วแฮปปี้ โดยสิ้นปีนี้อย่างน้อยน่าจะมีสถานีบริการสวอป แบตได้ 30 จุด
นอกจากนี้ AJ EV BIKE อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการจัดหาอีวีไบค์ให้ได้สเปกตามที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน ซึ่งนับว่าเป็นนโยบายที่ดี แต่บางเงื่อนไขดำเนินการได้ยาก บางเงื่อนไขง่าย แต่แน่นอนว่าดำเนินการอยู่ในส่วนแผนการผลิตภายในประเทศขออุบเป็นความลับไว้ก่อน
แต่ยืนยันได้ว่าแบรนด์ AJ EV BIKE พระเอกตัวจริงพร้อมแล้วกับนวัตกรรมใหม่ของยานยนต์แห่งอนาคต.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th