ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยคึกคัก

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยคึกคัก

Date Time: 23 ก.ค. 2565 05:14 น.

Summary

  • ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปีนี้มีความเคลื่อนไหวกันอย่างมีสีสันและมีความคึกคัก นับเป็นตลาดขนาดใหญ่มูลค่านับแสนล้านบาท ไล่ตามตลาดอาหารสำหรับมนุษย์ในยุคสมัยของการกินดีอยู่ดี

Latest

เปิดอินไซต์ คนไทย #ติดแกลม เมื่อคนต่างเจน มองคำว่า "หรูหรา" ไม่เหมือนกัน ?

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปีนี้มีความเคลื่อนไหวกันอย่างมีสีสันและมีความคึกคัก นับเป็นตลาดขนาดใหญ่มูลค่านับแสนล้านบาท ไล่ตามตลาดอาหารสำหรับมนุษย์ในยุคสมัยของการกินดีอยู่ดี สภาพทางสังคมบีบบังคับอยู่ตัวคนเดียว ไร้ลูกหลาน การเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงาจึงเป็นอีกหนึ่งทางออก

ที่น่าสนใจมากกว่านั่นก็คือเป็นตลาดที่เติบโตในระดับสูงแม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด–19 ภาวะเงินเฟ้อจากราคาพลังงานที่ส่งผลให้ราคาสินค้ายกแผงขึ้นราคาทำให้ผู้บริโภคจะต้องคิดหนักถึงการควักกระเป๋าจ่ายซื้อสินค้าในแต่ละครั้ง

แต่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงกลับถูกให้ความสำคัญถึงขั้นที่มนุษย์เรายอมประหยัดการใช้จ่ายอาหารของตนแทน อาจเป็นเพราะมีความผูกพันและให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่จะบริโภคเข้าไปและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง

จากการเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับต้นๆของโลก ทำให้มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ เทคโนโลยีการแปรรูปอาหารขั้นสูง ถูกขยายไลน์ไปผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทยกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสอง มีสัดส่วนตลาดถึง 10% โดยผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่แทบทุกรายได้รุกธุรกิจอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงกัน

ในรอบปีนี้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง “เนสท์เล่” ได้ประกาศเปิดโรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ แห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง โดยใช้เทคโนโลยีสุดล้ำระดับโลกในการผลิตอาหารแมวชนิดเปียกคุณภาพระดับพรีเมียม

โดยได้ลงทุนถึง 5,000 ล้านบาท ผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์เพียวริน่า วัน, โปรแพลน, เฟลิกซ์ และแฟนซี ฟีสต์ เพื่อรองรับตลาดในประเทศไทย และจะส่งออกไปยังประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา รวมถึงญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เมื่อเร็วๆนี้ผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ของไทย 2 รายประกาศนำบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อระดมทุนในการจะขยายกิจการในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงไปสู่ระดับโลก

ประกอบด้วย บริษัท ไอ–เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC กลุ่มไทยยูเนี่ยน หนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับปลาทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบครอบคลุมทั้งบริการรับจ้างผลิตสินค้าเกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร (OEM) สำหรับสุนัขและแมว รวมทั้งแบรนด์ของตนเองคือ เบลลอตต้า, มาร์โว่, เซ้นจ์เตอร์, คาลิโก้ เบย์ และพาราเมาท์ ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตอันดับสองของเอเชียและ 10 อันดับแรกของโลก

รวมทั้งบริษัทเอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ในเครือบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตทั้ง OEM และแบรนด์ของตนเองคือ มองชู, แบรนด์มาเรีย, มองชู บาลานซ์, ฮาจิโกะ และแบรนด์โปร

ทางด้านบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หลังจากปรับโมเดลธุรกิจเข้าหาธุรกิจคอมเมิร์ซมากขึ้น สินค้าใหม่ๆทยอยออกสู่ตลาดมาต่อเนื่องได้รุกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จากการเป็นคนรักสัตว์เลี้ยง พร้อมทุ่มเทเลี้ยงดูเต็มที่จึงเข้าใจในพฤติกรรมคนรักสัตว์ และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะปัจจุบันหลายคนเลือกที่จะอยู่เป็นโสด หรือแต่งงานแต่ไม่อยากมีลูก จึงออกแบรนด์ “ไลฟ์เมต” ชิมลางตลาดด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีบริษัทต่างชาติที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อทำตลาดในประเทศไทยและส่งออก รวมไปถึงบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด เครือซีพี ผู้ผลิตอาหารสุนัขและแมว แบรนด์เจอร์ไฮ, เค-ซี และจินนี่ แต่ละแบรนด์ล้วนแต่ไม่ธรรมดา

แน่นอนว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงภายในประเทศมีความคึกคักและแนวโน้มการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกจากความพร้อมของผู้ผลิตที่จะออกไปแข่งขันกันในตลาดโลกจะยิ่งยกระดับให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยให้มีความเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากขึ้นไปอีกระดับ!!

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ