เอไอเอสขอเอี่ยว “คนละครึ่ง” จับมือแบงก์กรุงไทยใช้พอยท์ซื้อของ

เอไอเอสจับมือธนาคารกรุงไทยต่อยอดโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือร้านขนาดเล็ก เปิดใช้เอไอเอสพ้อยท์แทนเงินสดซื้อของผ่านร้านค้าถุงเงิน เริ่มต้นที่ 4 แสนร้านก่อนขยับไปให้ครบ 1 ล้านร้าน “สมชัย” เปิดเหตุผลเอไอเอสทำหนังสือค้านทรู-ดีแทคควบรวม แสดงความเป็นบรรษัทภิบาลอยู่ข้างผู้บริโภค

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือให้กับร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ซึ่งถือเป็นโครงการภาครัฐที่ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างสูง เอไอเอสจึงได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยนำร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทยกว่า 400,000 ร้านค้าทั่วประเทศเข้ามาร่วมรับชำระค่าอาหาร-บริการผ่านคะแนนจากเอไอเอส พ้อยท์ โดยเริ่มต้นแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และมีแผนขยายให้ครอบคลุมครบ 1 ล้านร้านค้าในระยะต่อไป “การทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยเป็นการสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ระหว่างกัน ลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้คะแนนเอไอเอสพ้อยท์ชำระค่าสินค้าจากร้านค้าถุงเงิน ใช้แทนเงินสดได้เลยผ่านการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านระหว่างเอไอเอสและกรุงไทย เบื้องต้นให้ลูกค้ามองหาสติกเกอร์ที่ติดแสดงไว้หน้าร้านค้า ขณะนี้กำลังทยอยดำเนินการให้ครบ 400,000 ร้านค้าก่อน”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2565 เอไอเอสได้จัดงานเปิดตัว “อวตาร์ ปาร์ก” (AVATAR PARK) โลกเมตาเวิร์ส (จักรวาลนฤมิต) บนห้างเสมือนจริง V-Avenue.Co ที่มอบประสบการณ์ใหม่ให้คนไทยสร้างตัวตนเสมือนเลือกคาแรกเตอร์ได้ตามชอบ พบปะพูดคุยกับเพื่อนใหม่ในโลกเมตาเวิร์สแห่งอนาคต

โดยนายสมชัยกล่าวว่า การเปิดตัวสู่โลกเมตาเวิร์สของเอไอเอสเป็นการเตรียมพร้อมด้านเครือข่าย 5G และเทคโนโลยี ที่จะทำให้ประเทศไทยขยับเข้าสู่ระนาบเดียวกับประเทศผู้นำ 5G ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ “การลงทุนของเราถือเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเทกออฟเมื่อเวลามาถึง แม้วันนี้จะยังไม่อาจประเมินว่าจะคุ้มทุนเมื่อไร แต่ในฐานะผู้นำ เอไอเอสกำลังแสดงความพร้อมในการลงทุน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอไอเอสเพิ่งประกาศงบลงทุนโครงข่ายปีนี้ที่ระดับ 30,000-35,000 ล้านบาท ก้าวสู่การเป็น Cognitive Telco หรือองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะใน 3 ปีข้างหน้า โดยมียุทธศาสตร์มุ่งเน้น 3 กลุ่ม คือ 1.Mobile 5G ที่เป็นธุรกิจหลัก 2.ธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ภายใต้ชื่อ AIS Fibre 3.ธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ เช่น บริการสินเชื่อดิจิทัล ซึ่งได้จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่าจะเริ่มเห็นความคืบหน้าภายในไตรมาส 2 นี้

นายสมชัยยังกล่าวถึงการควบรวมกิจการระหว่างบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ว่า ในทางทฤษฎีการควบรวมซึ่งทำให้จำนวนผู้เล่นในตลาดลดลง มีแนวโน้มลดทอนการแข่งขันและอาจนำไปสู่การผูกขาด อย่างไรก็ตาม สำหรับเอไอเอสซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ประโยชน์จากการผูกขาดนั้น มีความจำเป็นจะต้องแสดงความเป็นบรรษัทภิบาลด้วยการแสดงจุดยืนที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภค และนั่นเป็นเหตุผลในการทำหนังสือคัดค้านการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคไปยังคณะกรรมาธิการโทรคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยการทำหนังสือคัดค้านดังกล่าวเป็นความเห็นที่สอดคล้องกันระหว่างฝ่ายบริหารบริษัทและกรรมการอิสระ.