นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า S&P Global ได้ประกาศอันดับด้านความยั่งยืน (S&P Global Sustainability Awards) ล่าสุดของปี 2565 พบว่าบริษัทไทยผ่านเกณฑ์การประเมินและติดอันดับมากถึง 41 บริษัท เพิ่มขึ้นถึง 12 บริษัทจากปี 2564 มากสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยเป็นบริษัทจดทะเบียน 38 บริษัท
ทั้งนี้ S&P Global ได้ประเมินบริษัททั่วโลกถึง 7,554 บริษัท และคัดเลือกเหลือเพียง 716 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว แสดงว่าภาคธุรกิจไทยจำนวนมากเห็นความสำคัญการดำเนินงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) และใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนระดับสากล
ทั้งนี้ S&P Global ได้ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจัดเป็น 4 ระดับได้แก่ Gold Silver Bronze และ Member มีบริษัทไทยได้ระดับสูงสุด Gold Class รวม 8 บริษัท ได้แก่ BANPU, BTS, CPALL, KBANK, PTTGC, TRUE, TU และ Thai Beverage
ระดับ Silver Class รวม 13 บริษัท ได้แก่ ADVANC, BCP, BJC, CPF, EGCO, HMPRO, PTT, PTTEP, SCGP, SCC, SCB, TOP, และ Mitr Phol ระดับ Bronze Class รวม 5 บริษัท ได้แก่ AOT, DELTA, GPSC, IRPC และ CP Group และระดับ Member อีก 15 บริษัท ได้แก่ AWC, BBL, BDMS, BGRIM, BPP, CPN, CPNREIT, CRC, EA, GULF, IVL, KTC, MINT, TTB และ VGI
นายภากร กล่าวว่า ผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global เป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์และพิจารณาตัดสินใจลงทุน โดย S&P Global ยังได้สรุปประเด็นและพัฒนาการด้านความยั่งยืนที่บริษัทจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ซึ่งปีนี้เน้นย้ำถึงวิกฤติภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน.