สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ต่อยอดแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลน ช่วย SMEs กู้เงินง่ายขึ้น

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ต่อยอดแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลน ช่วย SMEs กู้เงินง่ายขึ้น

Date Time: 14 ธ.ค. 2564 09:56 น.

Video

สาเหตุที่ทำให้ Intel อดีตยักษ์ใหญ่ชิปโลก ล้าหลังยุค AI | Digital Frontiers

Summary

  • สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ต่อยอดโครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนเฟส 2 อนุมัติเงินกู้ แบบง่าย รวดเร็วให้ SMEs ทั่วไทย

Latest


สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ต่อยอดโครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนเฟส 2 อนุมัติเงินกู้ แบบง่าย รวดเร็วให้ SMEs ทั่วไทย

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 64 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุด และต้องเร่งแก้ไขในตอนนี้คือ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ซึ่งเราทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและรวดเร็ว

โดยเฉพาะ SMEs รายย่อย เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการเสริมสภาพคล่องมากที่สุด เข้าถึงแหล่งเงินทุนยากที่สุด มีความเสี่ยงที่จะไปกู้เงิน นอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงและยอดวงเงินจำกัด เพราะ SMEs เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถฟื้นตัวหรือเชิดหัวขึ้นได้เลย

หาก SMEs ในภาคการค้าและบริการไม่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน SMEs ในกลุ่มการค้าและบริการมีบทบาทสำคัญในการจ้างงาน สร้างรายได้ และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ รวมทั้งสามารถที่จะพัฒนาไปสู่ภาคการส่งออกที่จะนำรายได้หลักเข้าสู่ประเทศ จึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล

ทั้งนี้ เปรียบเสมือนกระดูก สันหลังของเศรษฐกิจไทย ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยในภาคการค้าและบริการนี้ มี SMEs อยู่ในระบบกว่า 1.4 ล้านราย คิดเป็น 45% ของ SMEs ทั้งประเทศ มีการจ้างงานเกือบ 10 ล้านคน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 2.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13% ของ GDP การบริโภค ทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการเติบโตของ SMEs ในภาคการค้าและบริการ นี่คือเหตุผลหลักที่ทำไมทุกภาคส่วนถึงต้องให้ความช่วยเหลือกับ SMEs ในภาคการค้าและบริการโดยเร่งด่วน

สำหรับโครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนเฟส 2 นี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ผู้ซื้อ, ผู้ขาย และ สถาบันการเงิน สมาคมฯ เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ขายและสถาบันการเงิน เนื่องจากสมาชิกของสมาคมฯ ถือว่าเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด

เช่น กลุ่มซีพี, โฮมโปร, อินเด็กซ์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เซ็นทรัล รีเทล, โลตัส, บิ๊กซี, ดูโฮม, ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป, ธนพิริยะ, ริมปิง และแสงไทยแพร่ เป็นต้น

ทั้งนี้ผู้ซื้อดังกล่าวจะเชื่อมโยงข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าและการจ่ายเงินของผู้ขายที่ได้รับ ความยินยอมแล้ว เข้าไปไว้บน Platform เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปใช้เป็นหลักฐานการประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งเป็นข้อมูลที่โปร่งใส ครบถ้วน ตรวจสอบง่าย ทำให้การอนุมัติสินเชื่อสะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยอาศัยเครดิตของผู้ซื้อรายใหญ่อีกด้วย

โดยเฟส 2 ได้เอาเทคโนโลยีเข้ามายกระดับระบบที่มีอยู่ ให้สามารถช่วยเหลือ SMEs รายย่อยให้ได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มทางเลือกของแหล่งเงินทุนและอำนาจต่อรองให้ SMEs มากขึ้น และทำให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ในดอกเบี้ยที่ถูกลง สถาบันการเงินเองก็จะได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ เพราะจะสามารถอนุมัติสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็ว ด้วยต้นทุนต่ำ มีความเสี่ยงหนี้เสียน้อยลง และตรวจสอบ ป้องกัน การให้สินเชื่อซับซ้อน (Double Invoicing)

ทั้งนี้ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อประโยชน์ให้ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง และจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะแก้ไขปัญหา ช่วยให้ SMEs ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องแหล่งเงินทุน เพิ่มสภาพคล่อง ขยายการดำเนินธุรกิจ และเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของภาคการค้าและบริการ ที่จะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ยังไม่หยุดที่จะหาแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนในโลกดิจิทัล ดิสรัปชัน ที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาคมฯ จึงได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย จัดทำแบบสำรวจแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ SMEs เพื่อใช้ในการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ และเงื่อนไขการขอสินเชื่อที่ตรงตามความต้องการของ SMEs ในอนาคตแห่งโลกดิจิทัลหลัง COVID-19 อีกด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ